KS Daily View 30.11.2022 > สินทรัพย์เสี่ยงและตลาดหุ้นโลกรอคำแถลง Powell, เงินเฟ้อ Eurozone, Nonfarm-payrolls / ครม.ไฟเขียว เก็บภาษีขายหุ้น ปีแรกเริ่มเก็บอัตรา 0.05% / คาด SET 1610-35 / แนะนำ PRM

ประเด็นที่มีผลต่อการลงทุนและ Sector ที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้

ต่างประเทศ: ตลาดหุ้นโลกปรับตัวผันผวนกรอบแคบแต่เป็นในเชิงบวกอ่อนๆ หลังนักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ 2 ตัว คือ ข้อมูลเงินเฟ้อของยูโรโซนในวันพุธและข้อมูลจ้างงานของสหรัฐในวันศุกร์

ในส่วนของจีน เริ่มมีข่าวดีขึ้นหลัง จีนประกาศว่าจะส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยเป็นความเคลื่อนไหวที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพมองว่าเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญต่อการเปิดประเทศ รวมถึงมาตรการก่อนหน้าคือลดวันกักตัวเหลือ 2 วัน และ แผน 16 คะแนนเพื่อช่วยเหลือกลุ่มอสังหา, การลดดอกเบี้ย RRR ไปแล้ว 25bps

ในประเทศ: ครม.ไฟเขียว เก็บภาษีขายหุ้น ปีแรกเริ่มเก็บอัตรา 0.05% โดย สำนักข่าวประชาชาติธุรกิจรายงานว่า ครม. ได้รับหลักการเก็บภาษีขายหุ้น 0.1% โดยการจัดเก็บภาษีจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือนที่ 4 นับจากกฎหมายเรื่องนี้มีผลบังคับใช้แล้ว หรือ มีระยะเวลาให้ปรับตัว 90 วัน โดยให้โบรกเกอร์เป็นผู้จัดเก็บให้ เพราะต้องเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ซื้อขายหุ้นอยู่แล้ว ซึ่งการจัดเก็บจะมีทุกเดือนเช่นเดียวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อย่างไรก็ดี ในปีแรกหลังกฎหมายบังคับใช้ จะให้เก็บในอัตราเพียง 0.05% ก่อน

ความเห็นของเรา การเก็บภาษีขายหุ้น (FTT) ของภาครัฐ แม้จะทำให้รัฐมีรายได้มากขึ้น 1-2 หมื่นลบ. ต่อปี แต่จะส่งผลลบต่อตลาด โดยภาษี FTT จะทำให้

1) มูลค่าการซื้อขายของตลาดลดลง เพราะ FTT จะลดแรงจูงใจในการเทรดของนักลงทุน โดยเฉพาะธุรกรรมในกลุ่ม high-frequency trading

2) ความนิยมในการซื้อขายหุ้นในตลาดที่ลดลง ส่งผลให้ค่า PE ของหุ้นและตลาดต่ำลง ต้นทุนในส่วนของผู้ถือหุ้นสูงขึ้น

3) ลดแรงจูงใจในการนำบริษัทเข้าตลาดถ้า PE ไม่น่าจูงใจ

ส่วนประเด็นในวันนี้ ติดตามการประชุมกนง. โดยเราและตลาดคาดว่าจะเห็นการขึ้นดอกเบี้ย 25bps และ รายงานเศรษฐกิจของธปท.

กลยุทธ์การลงทุน : เรายังคงมุมมองบวกต่อ SET Index ต่อเนื่องไปจนถึงในช่วง 1H23 ตามเดิม ประเมินดัชนีคาดจะแกว่งตัวขึ้นไปจนถึงก่อนการประชุม Fed ช่วงกลางเดือน ธ.ค. ประเมินแนวต้าน 1666 จุด และ 1700 จุดในช่วงที่เหลือของปี และหากดัชนีย่อลงมาเรามองเหมือนเดิมคือ คาดไม่ทำ New low หรือคาดไม่หลุด 1550 จุด ประเมินแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1605 จุดเป็นแนวรับแรก โดยเหตุผลทั้งทางปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยและกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ยังเห็นการเติบโตแม้จะมีเรื่องการประท้วงในจีน

หุ้นกลุ่มที่แนะนำลงทุน : เน้นกลุ่ม Domestic Play อาทิ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง อาทิ CK กลุ่มสื่อ อาทิ PLANB กลุ่มที่ Outlook กำไรงวด 4Q22 โต YoY และ QoQ และปีหน้าโตเกิน 15% อาทิ SNNP, PTG, CRC, PLANB, EGCO, GPSC, HENG และ BE8 และชะลอลงทุน อาทิ กลุ่มส่งออกอาหาร, ปิโตรเคมี ยกเว้นส่งออกอาหารสัตว

ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้คาด 1610-1635 จุด หุ้นแนะนำ PRM

Top Pick : PRM (ราคาพื่นฐาน 9.21 บาท) เรามีมุมมองบวกต่อการประชุมนักวิเคราะห์ประจำไตรมาส 3/65 จากธุรกิจ FSU ที่แข็งแกร่ง โดยคาด utilization rate จะแตะ 100% ในไตรมาส 4/65 / ผู้บริหารคาดว่าจะซ่อมบำรุงเรือจำนวน 15 ลำในปี 2566 ซึ่งน้อยกว่าในปี 2565 ที่ซ่อมบำรุงถึง 29 ลำ / คาดรายได้จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 4/65 และคาดว่าจะมี upside ต่อ TP ของเราในปี 2566

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลข Caixin Manufacturing PMI ของจีน เดือน พ.ย. คาด 49.4 จุด ตัวเลขดัชนี Consumer Confidence ของญี่ปุ่น เดือน พ.ย. คาด 29.1 จุด (ทรงตัว MoM) ถ้อยแถลงของ BOJ Kuroda ตัวเลข Personal Spending ของสหรัฐฯ เดือน ต.ค. คาด +0.8% MoM ตัวเลข Personal Income ของสหรัฐฯ เดือน ต.ค. คาด +0.4% MoM ตัวเลข ISM Manufacturing PMI ของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. คาด 49.8 จุด (-0.8% MoM) ตัวเลข Initial Jobless Claim ของสหรัฐฯ รายสัปดาห์คาด +235K ถ้อยแถลงของ Fed Bowman และ Fed S. Barr
  • วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลข Non-farm Payroll ของสหรัฐฯเดือน พ.ย. คาด 200K (-23% MoM) ตัวเลข Unemployment rate ของสหรัฐ เดือน พ.ย. คาด 3.7% (ทรงตัว MoM) และตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. คาด +0.3% MoM และ +4.6% YoY
- Advertisement -