Our View? “ผงาด”

คาดตลาดวันนี้ “Up” มองแนวรับที่บริเวณ 1,630 / 1,625 และแนวต้านที่บริเวณ 1,640 / 1,650 คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงบวกจากตลาดต่างประเทศ หลังเมื่อคืนนี้นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) กล่าวปาฐกถาว่าด้วยนโยบายการเงินและการคลังที่สถาบันบรู้กกิงส์ ส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยตั้งแต่เดือน ธ.ค. ตามที่เราคาดไว้ว่า FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเดือน ธ.ค. นี้ ที่ระดับ 0.50% สู่ระดับ 4.25–4.50% และจะขึ้นอีก 2 ครั้งในปี’66 อีกที่ระดับ 0.50% และ 0.25% ตามลำดับ ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 5.00-5.25% สะท้อนอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปัจจุบันเริ่มเข้าใกล้จุดสูงสุดแล้ว คาดจะกดดันทิศทาง Dollar Index อ่อนตัวลงได้ต่อ ช่วยให้ตลาดเข้าสู่ภาวะ Risk-on ได้มากขึ้น ขณะที่เมื่อคืนนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการ GDP 3Q’65 ครั้งที่ 2 ออกมาขยายตัวที่ระดับ 2.9% มากกว่าประมาณการก่อนหน้า และมากกว่าที่ตลาดคาดหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นได้ต่อ

อีกทั้งตลาดยังได้รับปัจจัยบวกอ่อนๆ จากการที่ทางการจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 มากขึ้น อาทิ  ประกาศยกเลิกการตั้งสิ่งกีดขวางทางเข้าอพาร์ทเมนท์, งดการปูพรมตรวจเชื้อ COVID-19 ครั้งใหญ่ และเปิดตลาดสดและอนุญาตให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดท่าการในสัปดาห์นี้ คาดจะช่วยลดความตึงเครียดของการประท้วงเพื่อต่อต้านมาตรการควบคุม COVID-19 ได้บ้าง รวมทั้งเป็นสัญญาณถึงแนวโน้มที่จีนจะสามารถเริ่มเปิดประเทศในระยะแรกได้ในช่วง 2H′66 มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดในภูมิภาค

ทางด้านสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ม.ค. เมื่อคืนนี้รีบาวด์ขึ้นต่อปิดที่ระดับ 80.49 ดอลลาร์/บาร์เรล +2.29 ดอลลาร์ (+2.93%) ได้รับแรงหนุนจากตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐออกมาลดลง 12.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาด อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากการที่ทางการจีนเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 คาดจะหนุนอุปสงค์น้ำมันฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม แนะนำติดตามการประชุม OPEC+ ในวันที่ 4 ธ.ค. เราคาดว่า OPEC+ จะยังคงมติการปรับลดกำลังการผลิตที่ระดับ 2 ล้านบาร์เรล/วัน ต่อไป เพื่อรักษาระดับของราคาน้ำมันดิบโลก ทั้งนี้เราคาดว่าราคาน้ำมันจะแกว่งตัวอยู่ที่ระดับราว 75-90 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำหรับปัจจัยในประเทศเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่เมื่อวานนี้ กนง. ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ตามที่เราและตลาดคาดไว้ สู่ระดับ 1.25% โดยยังคงมองภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาพของการฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี’65 จะขยายตัวที่ระดับ 3.2% และจะขยายตัวต่อเนื่องในปี’66 และ 67 ที่ระดับ 3.7 และ 3.9 ตามลำดับ จากแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวและบริโภคของภาคเอกชน บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่มีการขยายตัวต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า คาดจะหนุนทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติ (Find Flow) ไหลเข้าได้ต่อเนื่อง อีกทั้งเมื่อวานนี้ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ไม่ขัดรัฐธรรมนูญเป็นสัญญาณเชิงบวกถึงแนวโน้มการเลือกตั้งใหญ่ของไทยที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือน มี.ค. – พ.ค. 66 เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย รวมทั้งเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่ ครม. อนุมัติวงเงิน 6.25 พันล้านบาท สำหรับเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมกว่า 1 ล้านครัวเรือน เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง (HMPRO, GLOBAL และ DOHOME) รวมทั้งคาดเป็นแรงหนุนต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CRC, MAKRO และ BIC) ได้ต่อ โดยเรายังคาดว่า ครม. คาดอาจมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีต่อได้ รวมทั้งเรายังชอบหุ้นในกลุ่มโฆษณา (PLANB และ VGI) ที่คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และฟื้นตัวขึ้นโดดเด่นตั้งแต่ช่วง 3Q65 คาดจะหนุนทิศทางราคาฟื้นตัวกลับขึ้นได้ต่อ และหุ้นในกลุ่มบริการสถานีน้ำมัน (BCP, OR และ PTG) คาดจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นได้อีกครั้ง ตามการเข้าสู่ช่วงวันหยุดในเทศกาลปีใหม่ หนุนการเดินทางมากขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มดังกล่าว

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “MAKRO”

กลยุทธ์ แนวรับ 38.50 / 38.00 Target 40.00 / 42.00 Stop <37.00

- Advertisement -