KS Daily View 01.12.2022 > สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกบวกแรงจากคำกล่าว Powell ในการชะลออัตราการขึ้นดอกเบี้ย / ตัวเลขศก.ไทยและกนง. ภาพรวมเป็นบวก / SET ได้ Sentiment บวก กรอบ 1625-50 / แนะนำ BBIK BAM

ประเด็นที่มีผลต่อการลงทุนและ Sector ที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้

ต่างประเทศ: ตลาดหุ้นโลกและสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกปรับตัวบวกแรง นำโดย DJIA (+700จุด), NASDAQ (+4.5%), Bitcoin (+4%) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า เฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.และหลังจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่ชะลอตัวของยูโรโซน (+10%) ต่ำกว่าคาด

ในส่วนของตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ อาทิ ตัวเลขการจ้างงาน ADP Employment (+127k) ต่ำกว่าที่ตลลาดคาด 200k และ JOLTs Jobs opening ออกมาตามคาด / Chicago Manufacturing PMI ออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อยและต่ำระดับ 50.0

ในประเทศ: เมื่อวานมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจไทยและการประชุมกนง. ภาพรวมเป็นบวก โดย ธปท. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25bps เป็น 1.25%
เรามองว่าการตัดสินใจ หรือ กลยุทธ์ ของ ธปท. (Smooth take off หรือ ทยอยขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป) เป็นสิ่งที่ดีมากและถูกต้อง เนื่องจาก ธปท.พอใจกับทิศทางทางการเติบโตของไทยอย่าง จำนวน นทท. ที่ 22 ล้านคนในปี 2566 อัตราเงินเฟ้อที่ลดลง (3% YoY ในปี 2566) และมีมุมมองเชิงบวกอย่างระมัดระวังต่อเสถียรภาพทางการเงิน

คาด ธปท. จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25bps อีก 2 ครั้ง (อัตราดอกเบี้ยนโยบายสุดท้ายปี 2566 ที่ 1.75%) จากกลยุทธ์ smooth take-off ได้ผลดีทั้งในแง่การเติบโตและ FX

ในส่วนของธปท.ศก.ไทยทำผลงานได้ดีต่อเนื่องจากภาคบริการ เช่น นทท. (1.45 ล้านคน) PCI (+6.6% YoY) PII (+2%) ปัจจัยฉุด คือ การส่งออก (-4%)

ในขณะที่ดุลการค้า (+1.7 พันล้านดอลล่าร์ฯ) ดุลบัญชีเดินสะพัด (+0.8 พันล้านดอลล่าร์ฯ) ดุลการชำระเงิน (+1.2 พันล้านดอลล่าร์ฯ) เกินดุลทั้งหมด

สิ่งที่เรารู้สำหรับปี 2566 คือ 1) ไทยจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีการเติบโตของ GDP +3% YoY 2) แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ลดลง (เทียบกับ RoW) ความไม่แน่นอนในปี 2566 ได้แก่ จีน เฟด เศรษฐกิจโลก และการเลือกตั้งของไทย

กลยุทธ์การลงทุน : เรายังคงมุมมองบวกต่อ SET Index ต่อเนื่องไปจนถึงในช่วง 1H23 ตามเดิม ประเมินดัชนีคาดจะแกว่งตัวขึ้นไปจนถึงก่อนการประชุม Fed ช่วงกลางเดือน ธ.ค. ประเมินแนวต้าน 1666 จุด และ 1700 จุดในช่วงที่เหลือของปี และหากดัชนีย่อลงมาเรามองเหมือนเดิมคือ คาดไม่ทำ New low หรือคาดไม่หลุด 1550 จุด ประเมินแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1605 จุดเป็นแนวรับแรก โดยเหตุผลทั้งทางปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยและกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ยังเห็นการเติบโตแม้จะมีเรื่องการประท้วงในจีน

หุ้นกลุ่มที่แนะนำลงทุน : เน้นกลุ่ม Domestic Play อาทิ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง อาทิ CK กลุ่มสื่อ อาทิ PLANB กลุ่มที่ Outlook กำไรงวด 4Q22 โต YoY และ QoQ และปีหน้าโตเกิน 15% อาทิ SNNP, PTG, CRC, PLANB, EGCO, GPSC, HENG และ BE8 และชะลอลงทุน อาทิ กลุ่มส่งออกอาหาร, ปิโตรเคมี ยกเว้นส่งออกอาหารสัตว์

ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้คาด 1625-1650 จุด หุ้นแนะนำ BAM BBIK

Top Pick :

  • BBIK (ราคาพื้นฐาน 140.8 บาท) Sentiment ของสินทรัพย์เสี่ยงและตลาดหุ้นโลกจากคำกล่าวของ Powell / มีมุมมองเชิงบวกต่อรายได้ของ BBIK ในปี 2565 จากยอด Backlog ที่แข็งแกร่งที่ 431 ลบ.ในไตรมาส 3/2565 และเราคาดว่ากำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2565-2567 ด้วยระดับอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 68% นอกจากนี้ เรายังคาดว่าอาจมี upside ต่อประมาณการกำไรของเราจากการซื้อกิจการ
  • BAM (ราคาพื้นฐาน 21.0 บาท) เราคาดว่าการเก็บเงินสดไตรมาส 3/2565 จะสูงกว่าเป้าของบริษัทฯ เล็กน้อย แต่คาดกำไรจะลดลง QoQ จากค่าใช้จ่ายภาษีที่สูงขึ้น / การลงทุนใน NPL จะชะลอตัวจากแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นในกลุ่มธนาคาร ขณะที่รูปแบบความร่วมมือต่าง ๆ จะช่วยเพิ่มรายได้ในปี 2566 / Valuation น่าสนใจ

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลข Non-farm Payroll ของสหรัฐฯเดือน พ.ย. คาด 200K (-23% MoM) ตัวเลข Unemployment rate ของสหรัฐ เดือน พ.ย. คาด 3.7% (ทรงตัว MoM) และตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. คาด +0.3% MoM และ +4.6% YoY
- Advertisement -