Daily Focus: Domestic Play // Let Profit Run

2023 SET Target: 1760

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ฟื้นตัวต่อเนื่องได้ตามคาด ปิดบวกได้อีก 10.97 จุด ณ สิ้นวัน นำโดยหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่ม Domestic Play เป็นหลัก มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นขึ้นเป็น 7.9 หมื่นลบ.จากผลของ MSCI Rebalance สถาบันในประเทศยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นอีกเล็กน้อย 336 ลบ. แต่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิหนาแน่นอีก 4.4 พันลบ. (และ Long Index Futures อีกเล็กน้อย 3.3 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index จะปรับตัวขึ้นะลุแนวต้านระยะสั้นที่ 1,640 จุดได้ไม่ยากวันนี้ จากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวก ตลาดได้แรงหนุนหลังประธาน FED ออกมาส่งสัญญาณว่าจะเริ่มชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในรอบการประชุมเดือน ธ.ค. นี้ แต่จะยังคงนโยบายที่รัดกุมต่อเนื่องจนกว่าจะเห็นสัญญาณการปรับลงของเงินเฟ้อที่ชัดเจนมากขึ้น ส่วนราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง คาดว่าเป็นผลจากอานิสงส์ทั้งฝั่งจีนที่ดูมีแนวโน้มทยอยผ่อนปรน มาตรการคุม COVID-19 ขณะที่การประชุม OPEC+ วันที่ 4 ธ.ค. ตลาดมองว่าจะยังคงการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรลต่อวันต่อเนื่องจากเดือน พ.ย. ส่วนปัจจัยในประเทศภาพรวมยังเป็นบวก ทั้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวานนี้ รวมถึงผลการประชุมกนง.ที่ยังสะท้อนภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่แข็งแรง โดยเฉพาะการบริโภคในประเทศและท่องเที่ยว เราจึงยังชอบหุ้น Domestic Play มากที่สุด และคาดกระแสเงินทุนยังมีแนวโน้มไหลเข้าต่อเนื่อง

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic Play ตามเศรษฐกิจที่เรงตัว//ยังถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมหุ้นเพิ่มไปแล้วช่วงปรับฐาน

หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : BBL, BDMS, CRC, M, MAJOR

หุ้นเด่นวันนี้ : MAKRO

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 42 บาท
  • แนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q22-2023 คาดฟื้นตัวแกร่งตามทิศทางเศรษฐกิจหนุนผลประกอบการทั้ง Makro และ Lotus’s เร่งตัว
  • Free Float ที่เพิ่มขึ้นเป็น 15% หลังรายการ Big Lot เป็น Catalyst บวกจากโอกาสถูกหยิบเข้าคำนวณ MSCI Rebalance รอบเดือน ก.พ. 23 รวมถึงโอกาสเข้าคำนวณใน ESG Index ในอนาคต
  • แนวรับ 37.50-37 บาท แนวต้าน 39.50-40//42 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$1,897 ล้าน โดยกระจุกตัวที่เกาหลีใต้และไต้หวันประเทศละ US$810-844 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้าทุกประเทศ และสูงสุดที่ไทย US$124 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังไหลเข้าต่อเนื่อง หลังประธาน FED ส่งสัญญาณว่าจะเริ่มชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค. นี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) กลยุทธ์การลงทุนเดือน ธ.ค. 22 สถิติสะท้อนว่าเดือน ธ.ค. SET Index ไม่ปรับลงแรงก็มักจะขึ้นแรง สำหรับปี 2022 เราให้น้ำหนักฝั่งปรับขึ้น โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหว 1,610-1,670 จุด หนุนจากภาพเศรษบกิจไทยที่ฟื้นตัวและกนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สะท้อนท้อนความเชื่อมั่นว่าพร้อมกับการรับมือดอกเบี้ยขาขึ้น ประกอบกับแนวโน้ม FED ที่จะขึ้นดอกเบี้ยในอัตราชะลอลง ทำให้ Dollar Index และ Bond Yield อ่อนตัว หนุนกระแส เงินทุนต่างชาติ คาดว่ายังคงอยู่ในทิศทางไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์เรายังแนะนำให้ถือลงทุนต่อเนื่อง หลังสะสมเพิ่มไปแล้วช่วงพักฐาน ยังคงชื่นชอบกลุ่ม Domestic Play มากกว่า Global Play เราเลือก Top Pick เดือนนี้ คือ BBL BDMS CRC M MAJOR

(+) กนง.ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด โดยดอกเบี้ยนโยบายปรับขึ้นเป็น 1.25% ตามทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว แม้จะมีการปรับลดประมาณการ GDP ปี 2022-2023 ลงเล็กน้อยเป็น +3.2% Y-Y และ +3.7% Y-Y ตามลำดับ แต่ปี 2022 หลักๆ เป็นการปรับการนำเข้าขึ้นส่วน การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนปรับขึ้นแรงเป็น +6.1% Y-Y และ +5.1% Y-Y สะท้อนปัจจัยภายในที่แข็งแรง ส่วนปี 2023 ปรับการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐลงเล็กน้อย ทำให้ภาพรวมเราไม่ได้มองเป็นลบต่อประเด็นดังกล่าว ยังมองบวกต่อกลุ่ม Domestic Play ได้แก่ ธนาคาร ค้าปลีก อาหาร การแพทย์ และท่องเที่ยว

(+) PLANB เรายังชอบสื่อนอกบ้านมากกว่าทีวี ตามเม็ดเงินโฆษณะที่ใช้จ่ายที่ยังดูดีกว่า ส่วนภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช่วยหนุนการเติบโตจากสื่อนอกบ้านที่สามารถเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิผล เรายังคาดกำไรปี 2022-2023 +11x Y-Y และ +35% Y-Y ตามลำดับ ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 9 บาท จากการ Rerate PER ขึ้น ยังแนะนำ “ซื้อ” เป็น Top Pick ของกลุ่มบันเทิง (Source: FSSIA)

(+) KLINIQ ระยะสั้นคาดกำไร 4Q22 จะเร่งขึ้นทำจุดสูงสุดของปี สาขาเดิมยังเติบโตตามการ Reopen ได้ดี  ควบคู่กับการเร่งขยายสาขาอย่างน้อยปีละ 6-10 สาขา รวมถึงมีโอกาสทำได้มากกว่าแผน และมากกว่าสมมติฐานของเรา จึงปรับเพิ่มกำไรสุทธิปี 2023-2024 ขึ้นเป็น +56% Y-Y และ +36% Y-Y ตามลำดับ คิดเป็นการเติบโต 3 ปี +30% CAGR และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2023 ขึ้นเป็น 42 บาท ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นทำให้มี Upside จำกัด จึงยังแนะนำเพียง “ถือ” (FSS เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของ KLINIQ ที่เสนอ ขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก)

 

(+) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 34,589.77 จุด เพิ่มขึ้น 737.24 จุด หรือ +2.18% หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธาน FED ส่งสัญญาณการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค.

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก จากตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรโซนเพิ่มขึ้น 10% ในเดือน พ.ย. ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 10.4%

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับบวก หลังประธาน FED ส่งสัญญาณการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค.

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 35.04 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 2.35 ดอลลาร์ หรือ 3.01% ปิดที่ 80.55 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว รวมถึงความคาดหวังว่าจีนจะผ่อนคลายนโยบายการควบคุม Covid ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 80.59 ดอลลาร์/บาร์เรล 0.05%

(+) ราคาทองคำ COMEX ปิดลดลง 3.8 ดอลลาร์ หรือ 0.22% ปิดที่ 1,759.9 ดอลลาร์/ออนซ์ ในขณะที่เช้านี้ปรับตัวขึ้นแรงที่ระดับ 1,790.9 ดอลลาร์/ออนซ์ 1.76% จากประธาน FED ส่งสัญญาณการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม เดือน ธ.ค.

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 908.09 / –

- Advertisement -