Daily Focus: Domestic and Selective Play

2023SET Target: 1760

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงพักตัวลงต่อเนื่องตามคาด ปิดลบอีก 10.69 จุด ณ สิ้นวัน โดยยังคงถูกถ่วงจากหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะ DELTA PTTEP PTT เป็นต้น สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้น 1 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิ 1.4 พันลบ. (ต่างชาติยัง Short Index Futures อีกกว่า 2 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังคงอยู่ในช่วงแกว่งพักตัวแต่คาดไม่รุนแรงเท่าช่วงก่อนหน้า ดัชนีมีแนวรับหลักที่ 1,610 จุด ซึ่งทำงานได้แข็งแกร่งตลอดเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ปัจจัยกดดันยังคงมาจากฝั่งต่างประเทศจากความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว สะท้อนผ่าน Bond Yield สหรัฐฯ 10 ปี และ 2 ปีที่ยังติดลบเร่งขึ้นเป็นกว่า 80 bps ราคาน้ำมันดิบยังปรับลงต่อเนื่อง โดยล่าสุด WTI เหลือ US$72 บาร์เรลจากระดับราว US$80 ต่อบาร์เรลในสัปดาห์ก่อน ปัจจัยดังกล่าวกดดันกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะต้นและกลางน้ำ แต่จะเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่ม Anti-Commodity อย่างโรงไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง เป็นต้น จากแรงกดดันต้นทุนที่ต่ำลง รวมถึงเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคจากกำลังซื้อที่จะทยอยดีขึ้น ภาพรวมปัจจัยในประเทศยังดูแข็งแรงและมีความเสี่ยงต่ำกว่าต่างประเทศ เราจึงยังเน้นลงทุนโดยเฉพาะกลุ่ม Domestic และ Consumption Play

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic Play ตามเศรษฐกิจที่ทยอยเร่งตัว//ยังถือลงทุนต่อเนื่อง หลังสะสมหุ้นเพิ่มไปแล้วช่วงปรับฐาน

หุ้นเด่นเดือน ธ.ค. : BBL, BDMS, CRC, M, MAJOR

หุ้นเด่นวันนี้ : SISB

  • แนะนำ “ซื้อ” ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 23.70 บาท
  • แนวโน้มกำไร 4Q22 น่าจะทำจุดสูงสุดใหม่ต่อ เบื้องต้นคาดที่ 120 ลบ. +21%Q- Q, +352%Y-Y จากทั้งจำนวนนักเรียนที่ปรับขึ้น รวมถึงค่าเทอมใหม่ที่ปรับขึ้นเต็มไตรมาส
  • เราปรับประมาณการกำไรปี 2023 ขึ้น 10% เป็น +53% Y-Y จากแนวโน้มจำนวนนักเรียนและค่าเทอมเฉลี่ยที่ดีกว่าที่เราคาด หลังผู้บริหารปรับเป้าขึ้น เป็นบวกต่อ Margin ในระยะยาว ยังคงเป็นหุ้น Growth และ Defensive ที่เราชอบ แนวรับ 20 บาท แนวต้าน 21//22 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังไหลออกจากภูมิภาคแต่บางลงเหลือ US$343 ล้าน เม็ดเงินไหลออกนำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$170 ล้าน และ US$136 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนไหลออกจากอินโดนีเซียหนาแน่น US$108 ล้าน แต่ไหลเข้าไทยและเวียดนามประเทศละ US$40-42 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อน ไปในทิศทางไหลออกจากแรงกดดันจากความกังวลเศรษฐกิจโลกที่ชะลอ และรอดูตัวเลขเงินเฟ้อ PPI สหรัฐฯ คืนพรุ่งนี้

 

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) เงินเฟ้อไทยเดือน พ.ย. ต่ำกว่าคาด เงินเฟ้อทั่วไป +5.55% ต่ำกว่าตลาดคาดที่ +5.86% และชะลอจากเดือนก่อนหน้าที่ 5.98% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน +3.22% สูงกว่าตลาดคาดเล็กน้อย +3.2% และขยับขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนที่ +3.17% ภาพรวมสอดคล้องกับที่ประเมินว่าเงินเฟ้อทั่วไปของไทยผ่านจุดสูงสุดไปแล้วใน 3Q22 ด้านเงินเฟ้อพื้นฐานอาจขยับขึ้นอีกระยะถึง 1Q23 แต่จะเริ่มชะลอลงจากฐานที่เริ่มสูงในปีนี้ กนง. คาดเงินเฟ้อพื้นฐานปี 2023 +2.4% เราคาดกนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งรวม 0.75% ปีหน้าขึ้นสู่ระดับ 2% ยังมองบวกต่อกลุ่ม Domestic Play ทั้งกลุ่มธนาคาร ค้าปลีก อาหาร เรายังชอบ BBL CPALL MAKRO DOHOME M ZEN

(+) JWD วันนี้จะมีการเสนอแผนรวมกิจการกับ SCGL เข้าที่ประชุม EGM วันนี้ เรามองการรวมกิจการกับ SCGL เป็นดีลที่ดี ธุรกิจไม่ซ้ำซ้อนกันอย่างเป็นนัยสำคัญ จึงเป็นประโยชน์ต่อทั้ง JWD และ SCGL ที่จะกลายเป็นผู้ให้บริการ Logistics & Supply Chain ที่ใหญ่สุดในภูมิภาค มีอำนาจต่อรองสูงขึ้นและสามารถลดต้นทุนซ้ำซ้อนได้แทบจะทันที และเป็นการขยายบริการไปในต่างประเทศที่ JWD ยังไปไม่ถึงและปลดล็อคความตึงตัวทางการเงิน ขณะที่ SCGL ได้อาศัยทักษะเฉพาะตัวของ JWD ในการบริหาร แม้ว่าการรวมกันจะทำให้ Margin โดยรวมลดลง แต่แลกกับฐานรายได้และกำไรที่ใหญ่ขึ้นมาก และเรามองเป็นโอกาสต่อยอดการเติบโตได๋ในอนาคต คาดกำไรปี 2023 ยกระดับขึ้นราว เท่าตัวเป็นกว่า 1 พันลบ. ปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 26 บาท ยังคงแนะนำ “ซื้อ”

(+) AWC คาดผลการดำเนินงานเป็นขาขึ้น Q-Q และ Y-Y ใน 4Q22 โดยคาด RevPar ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 80-85% เทียบกับก่อน COVID-19 ล่าสุดมีการเข้าซื้อสินทรัพย์ โรงแรมและห้างสรรพสินค้า 3 แห่งหนุนการเติบโตในระยะยาวและตั้งเป้าขยายโรงแรม เพิ่ม 34 แห่งรวมราว 1 หมื่นห้อง จากปัจจุบันที่มีโรงแรม 19 แห่ง รวม 5.4 พันห้อง เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2022 ขึ้น 1-25% ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 6.80 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” (Source: FSSIA)

 

(0) ตลาดดาวโจนส์ ปิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.58 จุด หรือ +0.005% ปิดที่ 33,597.92 จุด ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของ FED

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ ถูกกดดันจากหุ้นในกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคารจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

(0) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับตัวผสม จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.84 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลดลง 2.24 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 72.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ถูกกดดันจากตัวเลขสต็อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 72.42 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.11%

(0) ราคาทองคำ COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 15.6 ดอลลาร์ หรือ 0.88% ปิดที่ 1,798 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ในขณะที่เช้านี้ปรับลงเล็กน้อยที่ระดับ 1,797.5 ดอลลาร์/ออนซ์ -0.03%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 908.09 / +2.03

- Advertisement -