Our View? “ฟื้นหน่อย”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Up” มองแนวรับที่บริเวณ 1,622 /1,615 และแนวต้านที่บริเวณ 1,630 / 1,635 เมื่อคืนนี้ตัวเลขผู้ขอยื่นรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐออกมาอยู่ที่ระดับออกมาอยู่ที่ระดับ 2.30 แสนราย เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้วที่ระดับ 2.25 แสนราย ตามที่ตลาดคาดบ่งชี้ถึงความเสี่ยงของตลาดแรงงานสหรัฐมีโอกาสอ่อนแอลงได้ในระยะถัดไป ซึ่งจะเป็นสัญญาณให้ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ต้องชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปีหน้า ทั้งนี้เรายังคงให้ติดตามการประชุม FOMC ในวันที่ 13-14 ธ.ค. นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางแนวโน้มนโยบายทางการเงินของ FED ในช่วงปีหน้าผ่าน Dot-Plot หากไม่มีการปรับขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ คาดตลาดจะเริ่มผ่อนคลายความกังวลดังกล่าว และหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวขึ้นได้ในระยะถัดไป โดยเรายังคงคาดการณ์เดิมว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. นี้ที่ระดับ 0.50% และจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีหน้าจนอัตราดอกเบี้ยสูงสุดอยู่ที่ราว 5.00-5.25% ก่อนที่ FED อาจหยุดขึ้นดอกเบี้ยในช่วง 1H’66 จากผลกระทบของดอกเบี้ยสหรัฐที่ส่งผ่านมาถึงเศรษฐกิจ คาดจะส่งผลให้ตลาดปรับตัวขึ้นได้ในระยะถัดไป

ทางด้านสัญญานํ้ามันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ม.ค. เมื่อคืนนี้ปรับตัวผันผวนปิดที่ระดับ 71.46 ดอลลาร์/บาร์เรล -0.55 ดอลลาร์ (-0.76%) ยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้าลดทอนอุปสงค์น้ำมันดิบ คาดจะกดดันทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลงถ่วงตลาดได้ต่อ

อย่างไรก็ดี เรายังมีมุมมองต่อแนวโน้มการเปิดประเทศของจีน หลังทางการจีนประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 ต่อเนื่อง จนเป็นสัญญาณถึงการสิ้นสุดมาตรการ Zero-COVID เราคาดว่าอาจเห็นจีนเปิดประเทศได้ในช่วง 2H66 มองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่ม China Re-Opening อาทิ AAV, BA, EKH, AU และ ORI

สําหรับปัจจัยในประเทศ เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อการที่เมื่อวานนี้กระทรวงพาณิชย์รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน พ.ย. ออกมา +5.55% YoY ดีกว่าที่ตลาดคาดที่ +5.80% บ่งชี้ความสามารถในการรับมือเงินเฟ้อของเศรษฐกิจไทยต่อเนื่อง หลังผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้วในช่วงเดือน ส.ค. คาดจะกระตุ้นกระแสเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลเข้าได้ต่อ ขณะที่เรายังมุมมองภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาพของการฟื้นตัวต่อเนื่อง จากแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวและบริโภคของภาคเอกชน บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่มีการขยายตัวต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า อีกทั้งแนวโน้มการเลือกตั้งใหญ่ของไทยที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือน มี.ค.- พ.ค. 66 เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย โดยเรายังคงชอบหนุนต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CRC, MAKRO และ BJC) ต่อเนื่องทั้งนี้คาด ครม. อาจมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีต่อได้ รวมทั้งเรายังชอบหุ้นในกลุ่มโฆษณา (PLANB และ VGI) ที่คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และฟื้นตัวขึ้นโดดเด่นตั้งแต่ช่วง 3Q′65 คาดจะหนุนทิศทางราคาฟื้นตัวกลับขึ้นได้ต่อ และหุ้นในกลุ่มบริการสถานีน้ำมัน (BCP, OR และ PTG) คาดจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นได้อีกครั้ง ตามการเข้าสู่ช่วงวันหยุดในเทศกาลปีใหม่ หนุนการเดินทางมากขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มดังกล่าว ขณะที่เริ่มเห็นธนาคารพาณิชย์ทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยตอบรับผลการประชุม กนง. ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่ม ธนาคาร (KBANK, BBL, SCB และ KTB)

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “AU”

กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 1.20 / 11.00 Target 12.50 / 13.00 stop <0.80

- Advertisement -