ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

มีเด้งได้บ้าง แต่ภาพใหญ่ยังแกว่งกรอบแคบ

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันศุกร์ รีบาวด์ได้บ้างแต่ภาพใหญ่ยังไซด์เวย์ รอปัจจัยเศรษฐกิจโลกเพิ่มเติม… หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับลงในกรอบแคบๆ (ตามคาด) ตามแรงขายปรับพอร์ตหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบปรับฐานลง… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมต่อตลาดหุ้นไทยเป็นกลาง i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวเล็กน้อย หลังข้อมูลยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ออกมาที่ 2.30 แสนคน เท่ากับที่ consensus คาด ii) เครื่องชี้ภาวะตลาดการเงินโลกอยู่ในภาวะ wait-and-see เกือบทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นค่าเงินดอลล่าร์ฯ บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ รวมทั้งทิศทางของตลาดหุ้นเอเชียที่เปิดทำการเช้านี้ทรงตัวกรอบแคบๆ เช่นกัน ทั้งนี้ ตลาดกำลังติดตามตัวเลขเศรษฐกิจ และ economic events ที่จะทยอยออกมา ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อของจีน และตัวเลข PPI inflation ของสหรัฐฯ ในวันนี้ ขณะที่ในสัปดาห์หน้า จะมีการประชุมนโยบายการเงินของ ธ.กลางสำคัญถึง 3 แห่ง ได้แก่ US FOMC (ทราบผลคืนวันที่ 14 ธ.ค.) ECB และ BoE (ทราบผลเย็น วันที่ 15 ธ.ค. ทั้งสองแห่ง)… ด้านปัจจัยภายในประเทศ ตลาดหุ้นไทยจะเข้าสู่วันหยุดยาวอีกรอบหนึ่ง (10-12 ธ.ค.) น่าจะทำให้มูลค่าการซื้อขายยังคงบางอยู่ ฝ่ายวิจัยฯ จึงคงมุมมองว่า momentum ของตลาดหุ้นไทยจะดีขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปี 2565 หลังเห็นความชัดเจนของผลประชุม ธ. กลางต่างๆ แล้ว

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร INTUCH*, M*, LEO

  • INTUCH* (เป้า IAA Consensus 81.7 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 73.5 บาท / แนวต้าน 74.5 บาท กรณี Break ผ่านแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 76.5 – 78.0 บาท (Stop loss 72.5 บาท) 2) ประเมิน Catalyst บวก i) กำไรพิเศษจากการขายหุ้น THCOM หลังภาษีราว 4.3 พันล้านบาท คิดเป็น 1.34 บาท/หุ้น และคาดหวังการจ่ายปันผลพิเศษ ii) กรณีการที่กลุ่ม GULF ADVANC อยู่ระหว่างเจรจากับ KTB ในการจัดตั้ง Virtual bank คาดเป็นสตอรี่ใหม่หนุนการปรับประมาณการฯของกลุ่มฯ 3) คาด Dividend yield +/-4% ต่อปี (ไม่รวมโอกาสจ่ายปันผลพิเศษฯ) น่าสนใจในช่วงที่ Bond yield ปรับลดลงแรง
  • M* (เป้าพื้นฐาน 68.75 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 57.0 บาท / แนวต้าน 58.0 – 58.5 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/60 บาท (Stop loss 55.75 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานฟื้นตัวดีต่อเนื่องใน 4Q65 – 2566 จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว คาดต้นทุนวัตถุดิบเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวลง (ราคาเนื้อไก่เริ่มลดลง + ราคาหมูเริ่มทรงตัว) ขณะที่ได้ทำการปรับราคาขายสะท้อนต้นทุนไปแล้วใน 1-2 ไตรมาสที่ผ่านมา (คาดอัตรากำไรดีขึ้น) 3) Valuation ไม่แพง คาด Forward PE ปีหน้าลดลงเหลือ +/-22.5 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ราว 26 เท่า) จากการคาดกำไรปีหน้าฟื้นกลับไปที่ระดับ 2.3 พันล้านบาท (ฝ่ายวิจัยฯยึดหลัก Conservative คาดกำไรปีหน้ายังต่ำกว่าก่อนโควิด-19)
  • LEO (เป้า IAA Consensus 14.3 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 12.6 บาท / แนวต้าน 13.0 – 13.3 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/-14.0 บาท (Stop loss 12.5 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจากการที่ประเทศจีนทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์โควิด-19 คาดจะหนุนการนำเข้า-ส่งออกสินค้า ขณะที่ LEO เป็นพันธมิตรกับ China Post Yunnan และคาดมีโอกาสที่ผู้ประกอบการจีนจะเร่งการสต๊อกสินค้าอีกครั้ง (ก่อนเทศกาลตรุษจีน) 3) Forward PE บนประมาณการฯปี 2565 ต่ำเพียง 11.7 เท่า ขณะที่ประมาณการฯปี 2566 มี Upside จากการ M&A และการหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ๆเพิ่ม … เราใช้ข้อมูล Consensus เนื่องจากอยู่ระหว่างพิจารณาปรับประมาณการฯและราคาเป้าหมายใหม่ (คาดปรับประมาณการฯขึ้น แต่อาจต้องปรับเป้าหมาย Forward PE ลงตามภาวะอุตสาหกรรมฯ)

หุ้นมีข่าว

(+) จับตา 8 หุ้นผ่านฉลุยวันนี้ เข้ารอบชิงไฟ 5,203 MW (ข่าวหุ้น) กกพ.ดีเดย์ประกาศรายชื่อผู้ผ่านเกณฑ์ คุณสมบัติขายไฟฟ้าวันนี้ GULF*-GUNKUL*-BGRIM*-GPSC*-EGCO*-RATCH*-EA* และ ACE พาเหรดเข้ารอบชิงขายไฟฟ้า 5,203 เมกะวัตต์ โซลาร์ฟาร์มแข่งเดือดสุด ยื่น 522 โครงการ กำลังผลิตรวม 9,603 เมกะวัตต์ รองลงมาพลังงานลม 94 โครงการ ประกาศผู้ได้รับคัดเลือก 22 มี.ค. 66 ด้านโบรกฯ แนะนำเก็งกำไรกลุ่มเข้ารอบชิง

(+) ITC กำไร Q3 โต 545% อาหารแมว-สุนัขฮอต (ทันหุ้น) ITC โชว์ผลงานไตรมาส 3/2565 กำไรโตก้าว กระโดด 545% ทะลุ 1.5 พันล้านบาท ดัน 9 เดือนมีกำไรกว่า 3.7 พันล้านบาท โต 161.1% จากมาร์จิ้นที่เพิ่มสูงขึ้นเป็น 24.8% ขณะที่มีรายได้งวด 9 เดือนที่ 1.67 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 220.7% รายได้จากการขายอาหารสัตว์เลี้ยงโต 290.5% ด้านโบรกเคาะพื้นฐาน 41-45 บาท คาดการณ์มูลค่าอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลก 5 ปีข้างหน้าจะโตเฉลี่ย 7.1%

(+) MAKRO ลุยสาขาในรายได้ กัมพูชา-เมียนมาหนุนยอด (ทันหุ้น) MAKRO กางแผนธุรกิจปี 2566 คาดรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% รับต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ปรับตัวขึ้นสูงยังอาจกระทบบรรทัดสุดท้าย เล็งขยายสาขา “โลตัส โกเฟรช” เพิ่มอีก 200 สาขาต่อเนื่อง ด้านยอดขายเมียนมา-กัมพูชาโดดเด่น เล็งขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 2 แห่ง ส่วนอินเดีย-จีน ยังมีความท้าทาย

(+) PTTEP* 5 ปี ลงทุน 1 ล้านล้าน ยอดขาย 5.5 แสนบาร์เรล (ข่าวหุ้น) ปตท.สผ.ทุ่มงบลงทุน 5 ปี (2566-2570) กว่า 1 ล้านล้านบาท ดันเป้ายอดขายปิโตรเลียมแตะ 5.5 แสนบาร์เรลต่อวัน เพิ่มปริมาณการผลิตแหล่งเอราวัณ บงกช และแหล่งอาทิตย์ พร้อมผลักดันโครงการมาเลเซีย เอสเค 410 ปี และ โมซัมบิก แอเรีย 1 ให้เริ่มเดินหน้าผลิตตามแผนเติบโตอย่างยั่งยืน

(+) BBGI อัดงบลงทุน 200 ล้าน “บีเอสจีเอฟ จ่อตั้งโรงผลิตเชื้อเพลิง SAF (ข่าวหุ้น) BBGI อัดงบ 200 ล้านบาท ร่วมลงทุนใน BSGF เตรียมขึ้นโรงงานผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน เริ่มเปิดดำเนินการไตร มาส 4/67 ด้วยกําลังการผลิตเริ่มต้น 1 ล้านลิตรต่อวัน

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • CPALL* (เป้าพื้นฐาน 74 บาท) แนวรับ 64 บาท / แนวต้าน 66-68 บาท (Trailing stop 63.75 บาท)
  • PTG* (เป้าพื้นฐาน 20 บาท) แนวรับ 14.6 บาท / แนวต้าน 15.1-15.4 บาท (Trailing stop 14.5 บาท)
  • SPRC* (เป้าพื้นฐาน 16.3 บาท) แนวรับ 11.5 บาท / แนวต้าน 12.3-12.5 บาท (Stop loss 11.4 บาท)
  • SHR (เป้าพื้นฐาน 4.90 บาท) แนวรับ 3.96 บาท / แนวต้าน 4.08-4.20 บาท (Stop loss 3.90 บาท)
  • GPSC* (เป้าพื้นฐาน 74 บาท) แนวรับ 69.5 บาท / แนวต้าน 71.75-73.5 บาท (Stop loss 68.75 บาท)
  • GULF* (เป้าพื้นฐาน 58 บาท) แนวรับ 53.0 บาท / แนวต้าน 54.5-56 บาท (Stop loss 52.5 บาท)
  • WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.4 บาท) แนวรับ 3.86 บาท / แนวต้าน 3.98-4.04 บาท (Stop loss 3.78 บาท)
  • BJC* (เป้า Consensus 38.8 บาท) แนวรับ 34.25 บาท / แนวต้าน 35.0-36.0 บาท (Stop loss 33.5 บาท)
  • BEC* (เป้าพื้นฐาน 12.3 บาท) แนวรับ 10.3 บาท / แนวต้าน 10.9-11.1 บาท (Stop loss 10.2 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • กลุ่มโรงแรม น้ำหนักลงทุน “มากกว่าตลาดฯ” ฝ่ายวิจัยฯ ยังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปีหน้า หนุนโดยการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ของจีน หุ้นเด่นเลือก ERW*, SHR*
  • PTTEP* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 172 บาท บริษัทฯตั้งเป้าหมายปริมาณขายในปี 2566 ทรงตัว YoY และคาดจะเพิ่มขึ้นในปี 2567 – 68 ปีละ 9% YoY และ 5% YoY ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยนปรับลดประมาณการฯ ลง และปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 172 บาท (เดิม 173 บาท) ยังคงแนะนําเพียง “ถือ”

 

หมายเหตุ: 1.* บริษัทอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์บนหลักทรัพย์นี้ / 2. เป้าพื้นฐาน หมายถึง ราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน (Forecasted 12M Target price) ที่อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานฉบับล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯ / 3. เป้า Consensus หมายถึง ค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐานที่จัดทำโดย Bloomberg consensus หรือ IAA Consensus

- Advertisement -