สรุปภาวะตลาด

วันอังคารที่ผ่านมาดัชนีเปิดโดดบวกถึง 10 จุด และดัชนีย่อตัวลงต่อเนื่องเหลือเพียงทรงตัว มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มค้าปลีก และกลุ่มไอซีที จากประเด็นบวกเฉพาะตัว ประกอบกับนักลงทุนติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐช่วงกลางสัปดาห์ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1625.91 จุด +2.78 จุด +0.17% มูลค่าการซื้อขาย 55,072.71 ลบ. ต่างชาติ -32.25 ลบ. TFEX -10,199 สัญญา ตราสารหนี้ +8,237 ลบ.

ปัจจัยบวก +

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 103.60 จุด +0.30% ค่ะรับตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ออกมาต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 2.22 ดอลล่าร์หรือ 3% ปิดที่ 75.39 ดอลล่าร์ / บาร์เรล หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด และการอ่อนค่าของดอลล่าร์ รวมทั้งรายงานที่ว่าท่อส่งน้ำมันคีย์สโตน (Keystone) ยังคงปิดทำการเนื่องจากพบรอยรั่ว

+ สหรัฐรายงานภาวะเงินเฟ้อต่ำกว่าคาด โดย CPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 7.1%YoY ในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 7.3% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงานปรับตัวขึ้น 6%YoY ในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.1%

+ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 59.8% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ.2566 เพิ่มจากก่อนหน้านี้ให้น้ำหนักเพียง 35.1%

+ จีนและฮ่องกงจะเริ่มอนุญาตให้ประชาชนสามารถเดินทางข้ามพรมแดนไปมาหาสู่กันได้ โดยไม่ต้องเข้ารับการกักตัวอย่างเร็วที่สุดในวันที่ 9 ม.ค.ปีหน้า ก่อนถึงวันตรุษจีน

+ ครม. เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทยพ.ศ. 2566-2570 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ระบบโลจิสติกส์เป็นกลไกสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประตูการค้า

ปัจจัยลบ –

– ญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์ทำข้อตกลงในหลักการ เพื่อร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการควบคุมการส่งออกอุปกรณ์ผลิตชิปล้ำสมัยให้กับจีน ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อความพยายามในการพัฒนาเทคโนโลยีชิบของจีน

– สหรัฐเปิดเผยยอดขาดดุลงบประมาณเดือนพ.ย.ของสหรัฐพุ่งขึ้นถึง 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 30% แตะที่ 2.4 แสนล้านดอลล่าร์ เมื่อเทียบเป็นรายปีสูงเป็นระดับประวัติการสำหรับเดือนพ.ย.

– รมว. สาธารณสุขกล่าวว่าสถานการณ์โควิด-19 ของไทยในขณะนี้มีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มขึ้นชัดเจน โดยเฉพาะในจังหวัดท่องเที่ยว จะมีกิจกรรมรวมกลุ่มของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมาก รวมถึงประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาว ส่งผลให้เชื้ออยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานและแพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดโลก หลังสหรัฐเปิดเผย ดัชนี CPI ต่ำกว่าตลาดคาด ประกอบกับราคาน้ำมันดิบดับWTI ที่ปรับตัวขึ้นแรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1620-1636 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • FTSE SET มีผล 19 ธ.ค.65
    • Large Cap : หุ้นเข้า AWC หุ้นออก JTS FTSE SET
    • Mid Cap : หุ้นเข้า JTS RAM TLI หุ้นออก AWC BTSGIF TFFIF
  • ลุ้นช้อปดีมีคืนปี 66: BJC CPALL MAKRO CRC COM7 SPVI CPW JMART HMPRO ZEN M AU
  • จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเร่งตัวขึ้น: BCH CHG EKH THG WPH
  • สินค้าส่งออกเดือน ต.ค. ที่ยังเติบโตได้ดี: TEAM HANA KCE SMT

หุ้นรายงานพิเศษ

SMD (Bloomberg Consensus – บาท) “เตรียมเปิดตัว ATK นวัตกรรมใหม่ที่แรกในประเทศไทย ในปี 66”

  • รายงานกำไร 3Q65 ที่ 68 ลบ. +64%YoY และ -21%QoQ เนื่องจากรายได้ปรับตัวลงสู่ 436 ลบ. -37%YoY และ -36%QoQ เนื่องจากรายได้จากกลุ่มเครื่องมือแพทย์ทั่วไปปรับตัวลงราว 80%QoQ สู่ 100 ลบ. เนื่องจากยอดขาย ATK ลดลง อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้น จาก 24.7% ใน 2Q65 สู่ 31.4% เนื่องจากสัดส่วนยอดขาย ATK ที่ลดลง บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 66 ที่ 2.2 พันล้านบาท จากปีนี้คาดทำได้ 2 พันล้านบาทตามเป้า โดยบริษัทจะเดินหน้าต่อยอดธุรกิจเดิมรวมถึงขยายธุรกิจใหม่เพื่อเพิ่มฐานการเติบโต โดยบริษัทคาดจะเปิดตัวและขาย ATK นวัตกรรมใหม่ที่แรกในประเทศไทย ซึ่งตรวจได้ทั้งเชื้อโควิด-19 และ Influenza A+B โดยจะมีออกมาจำหน่ายทั้งแบบ Professional Use สำหรับโรงพยาบาลและแบบใช้ที่บ้าน สำหรับตรวจด้วยตัวเอง คาดจะเปิดตัวประมาณต้นปี 66 ประกอบกับมีแผนจะ M&A เพื่อต่อยอดธุรกิจทางการแพทย์ ทั้งนี้บริษัทสนใจธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการแพทย์ หรือซอฟต์แวร์ทางการแพทย์ คาดจะเห็นความชัดเจนในปี 66
  • ความเห็น : เรามีมุมมอง “NEUTRAL” หลัง COVID-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่น ทำให้รายได้จากกลุ่มเครื่องมือแพทย์ทั่วไปมีโอกาสอ่อนตัวลง โดยทิศทางผลประกอบการปี 66 มีโอกาสทยอยฟื้นตัว จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และคาดว่าการทำ M&A จะทำให้เกิด Synergy ใหม่ๆ

หุ้นมีข่าว

(+) JR (Bloomberg consensus – บาท) จัดหนักคว้างานรถไฟฟ้าสายสีชมพู 3,906 ล้านบาท แบ็กล็อกขึ้นนิวไฮ 7.5 พันล้านบาทแล้ว สายสีเหลืองจ่อปลายปีถึงต้นปีหน้า ดันแบ็กล็อกทะลุหมื่นล้านบาท ชูผลตอบแทนดี ชี้งานปกติเข้าต่อเนื่องรวมๆ อีกพันล้านบาท ขยายออยล์แอนด์แก๊ส ได้ลูกค้าใหม่ ปูทางสู่เมกะเทรนด์ลดโลกร้อน มีสิทธิได้งานลงทุนไฮโดรเจน ส่วนสถานีชาร์จอีวีเดินหน้าต่อเนื่อง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SABUY (Bloomberg consensus – บาท) จ่อทุ่มงบ 462.67 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น 5% ใน GHL Systems Berhad ผู้นำการให้บริการ Online Payment Gateway ผ่านการซื้อในตลาดหุ้นมาเลเซีย คาดแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2566 พร้อมผนึกพันธมิตรเสริมแกร่งฐานธุรกิจ SABUY Ecosystem สู่ตลาดระดับภูมิภาคอาเซียน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ASAP (Bloomberg consensus 2.90 บาท) เคาะเป้าปี 2566 รายได้ 3.8 พันล้านบาท รถเช่าพุ่ง-ยูสคาร์หนุน พร้อมเล็งทุ่มงบ 2 พันล้านบาท เสริมฟลีตรถเพิ่ม ปูทางโกยเงินระยะยาว แถมปรับโมเดลขายยูสคาร์ อัพรายได้ทะยาน พร้อมตั้งเป้าเพิ่มยอดขายกลุ่มลูกค้าทั่วไปเป็น 2 เท่า ส่วนดีลเรื่องยูทิลิตี้โทเคน หวังชัดเจนครึ่งแรกปีหน้า (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SIS (Bloomberg consensus 31.63 บาท) ส่องดีมานด์ไอทีหนุนธุรกิจ ชูคลาวด์เซอร์วิส โอกาสโตเท่าตัวลูกค้าสนใจใช้บริการต่อเนื่อง พร้อมได้พันธมิตรยักษ์ AWS โอกาสรับงานสูงขึ้น คาดผลประกอบการไตรมาส 4/2565 ยังโตดี ทั้งปี 2565 มั่นใจรายได้ 3 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

  • 14 ธ.ค. รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ฉบับย่อ และรายงานนโยบายการเงิน
    • สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) รายงานภาวะสังคมไทย 3Q65
  • สัปดาห์ที่ 4 กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า
    • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์
  • 19 ธ.ค. ธปท. ประชุมนักวิเคราะห์
  • สัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
    • สํานักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
  • 30 ธ.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

  • 14 ธ.ค. อียู รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือนต.ค.
    • สหรัฐ รายงานราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือน พ.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
    • (เช้าวันที่ 15 ธ.ค.) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประชุมนโยบายการเงิน และแถลงมติอัตราดอกเบี้ย
  • 13-14 ธ.ค. กำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ
  • 15 ธ.ค. จีน รายงานดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.
    • ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย
    • ธนาคารกลางยุโรป (ECB) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย
    • สหรัฐ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.
- Advertisement -