บล.บัวหลวง:

Refining & Chemical – ค่าการกลั่นปรับตัวลดลง แต่ส่วนต่างราคา ปิโตรเคมีส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น (NEUTRAL)

ค่าการกลั่นปรับตัวลดลงต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถูกกดดันโดยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ middle distillate ที่ปรับตัวลดลง ในขณะที่ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากอุปทานที่ลดลงจากการลดกำลังการผลิต ทั้งนี้เรายังคงชอบ TOP และ IVL มากที่สุด

การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ และโควต้าการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศจีน ซึ่งจะเพิ่มอุปทานในตลาด เป็นปัจจัยที่น่าจับตามอง เนื่องจากอาจกดดันค่าการกลั่น ให้ปรับตัวลดลง ในทางกลับกันการผ่อนคลายมาตรการ Zero-COVID ของจีนจะเป็นปัจจัยหนุนอุปสงค์น้ำมันสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี รวมทั้งค่าการกลั่นและส่วนต่างราคาปิโตรเคมี

เรายังคงชอบ TOP มากที่สุดในหุ้นกลุ่มโรงกลั่น เนื่องจากการเป็นผู้ผลิตที่มีประสิทธิภาพด้านต้นทุนการผลิต ซึ่งจะส่งผลให้กำไรมีความไวต่อการปรับตัวสูงขึ้นของค่าการกลั่น และเรายังคงชอบ IVL มากที่สุดในกลุ่มปิโตรเคมี  เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่งของก๋าไรหลักปี 2565 รวมทั้งมีอัพไซต์ต่อแนวโน้มการเติบโตระยะยาวจากการลงทุนและ/หรือการเข้าซื้อกิจการใหม่

ค่าการกลั่นปรับตัวลดลงต่อเนื่อง WoW

ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลดลง 1.22 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 6.27 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งถูกกดดันโดยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ middle distillate ที่ปรับตัวลดลง การส่งออกจากประเทศจีนที่เพิ่มขึ้น และ สต็อกในสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างราคาน้ำมันเครื่องบินและส่วนต่างราคาดีเซลปรับตัวลง 5.31 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 28.91 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 3.53 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 32.56 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับ (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ TOP มากที่สุด) อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ในเอเชียที่แข็งแกร่งขึ้นช่วยหนุนส่วนต่างราคาน้ำมันเครื่องบินและส่วนต่างราคาดีเซลได้บางส่วน

ในทางกลับกัน อุปสงค์ในกลุ่มอาเซียนที่แข็งแกร่งขึ้น และสต็อกในสิงค์โปร์ที่ลดลง ส่งผลให้ส่วนต่างราคาก๊าซโซลีนปรับตัวขึ้น 0.61 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 11.35 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ SPRC มาก ที่สุด) นอกจากนี้ต้นทุนน้ำมันดิบที่ลดลง ส่งผลให้ส่วนต่างราคาน้ำมันเตาที่มีส่วนผสมของคํามะถันในระดับสูงปรับตัวขึ้น 2.28 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ ที่ -18.19 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (แย่กว่าระดับปกติในช่วงก่อน IMO2020 ที่ ติดลบ -4 -5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลค่อนข้างมาก)

ส่วนต่างราคาเอริลีนและส่วนต่างราคาโพรพิลีนปรับตัวเพิ่มขึ้น WoW

อุปทานที่มีจํากัดเนื่องจากการลดกำลังการผลิต ส่งผลให้ราคาเอธิลีนและราคาโพรพิลีนปรับตัวขึ้น 10 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 865 เหรียญสหรัฐ/ตัน และ 5 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 860 เหรียญสหรัฐ/ตัน ตามลำดับ ใน สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทรงตัว WoW อยู่ที่ 668 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนต่างราคาเอธิลีนจึงปรับตัวขึ้น 10 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 197 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ PTTGC มากที่สุด) และส่วนต่างราคาโพรพิลีน ปรับตัวขึ้น 5 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 192 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ IRPC มากที่สุด)

ส่วนต่างราคา HDPE ปรับตัวลดลง แต่ส่วนต่างราคา PP ปรับตัวเพิ่มขึ้น WoW

แรงซื้อในภูมิภาคที่ชะลอตัวส่งผลให้ราคา HDPE ปรับตัวลง 10 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 980 เหรียญสหรัฐ/ตัน ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบโพรพิลีนที่เพิ่มขึ้น และอุปทานที่ลดลง เนื่องจากการลดกำลังการผลิต ส่งผลให้ราคา PP ปรับตัวขึ้น 20 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 950 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ส่วนต่างราคา HDPE เทียบกับแนฟทาปรับตัวลง 10 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 312 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTTGC มากที่สุด) แต่ส่วนต่างราคา PP ปรับตัวขึ้น 20 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 282 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ IRPC มากที่สุด)

ส่วนต่างราคา MEG และส่วนต่างราคา PVC ปรับตัวเพิ่มขึ้น WoW

ต้นทุนเอธิลีนที่แข็งแกร่งและอุปสงค์ในภูมิภาคที่แข็งแกร่งขึ้น ส่งผลให้ราคา MEG ปรับตัวขึ้น 20 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 500 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนเอธิลีนปรับตัวเพิ่มขึ้นช้ากว่าราคาผลิตภัณฑ์ส่งผลให้ส่วนต่างราคา MEG ปรับตัวขึ้น 14 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ในแดนลบที่ -45 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ PTTGC มากที่สุด) ในขณะที่ต้นทุนเอธิลีนที่แข็งแกร่งและอุปสงค์ในเอเชียที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคา PVC ปรับตัวขึ้น 60 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 840 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเอธิลีนปรับตัวเพิ่มขึ้นช้ากว่าราคาผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้ส่วนต่างราคาปรับตัวขึ้น 55 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 408 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ PTTGC มากที่สุด)

คาดค่าการกลั่นปรับตัวสูงขึ้น YoY และ QoQ ในไตรมาส 4/65

อุปสงค์ในวงกว้างสำหรับน้ำมันสำเร็จรูปมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น YoY ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 4/65 นอกจากนี้อุปสงค์น้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาที่มีส่วนผสมของกำมะถันในระดับสูงคาดว่าจะเพิ่มขึ้น QoQ ในไตรมาส 4/65 หนุนโดยอุปสงค์ตามฤดูกาลที่สูงและอุปสงค์การเปลี่ยนการใช้ก๊าซเป็นน้ำมัน นอกจากนี้ อุปสงค์นํ้ามันเครื่องบินทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น QoQ ในช่วงเวลาเดียวกัน สอดคล้องกับการผ่อนคลายข้อจํากัดการเดินทาง จากมุมมองด้านอุปทาน การปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในฤดูใบไม้ร่วง, อุปทานที่ลดลงจากรัสเซีย, และสต็อกน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำจะเป็นปัจจัยที่จำกัดอุปทาน ต้นทุนน้ำมันดิบ (พรีเมี่ยมของน้ำมันดิบ) มีแนวโน้มที่จะลดลง QoQ ในไตรมาส 4/65 ตามทิศทางของราคาน้ำมันดิบ ดังนั้นเราจึงคาดว่าค่าการกลั่นจะขยายตัว YoY และ QoQ ในไตรมาส 4/65

หากการเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของโรงกลั่นใหม่ไม่เป็นไปตามแผน หรือมีการหยุดโรงกลั่นโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า (สาเหตุจากไฟไหม้, สงคราม, ภัยธรรมชาติ เป็นต้น) จะส่งผลให้อุปทานตึงตัว อาจเป็นอัพไซต์ต่อค่าการกลั่น ในทางกลับกันหากอัตราการติดเชื้อกลับมาเพิ่มสูงขึ้น อุปสงค์ปิโตรเลียมจะถูกกดดันอีกครั้ง ซึ่งอาจจํากัดการฟื้นตัวของค่าการกลั่น

ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวลง YoY และทรงตัว QoQ ในโตรมาส 4/65

การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก, การล็อกดาวน์ในประเทศจีน (แม้ปัจจุบันจะมีสัญญาณผ่อนคลายลงบ้างแล้ว), และช่วงโลว์ซีซัน มีแนวโน้มที่จะกดดันอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในไตรมาส 4/65 ให้ชะลอตัวลง นอกจากนี้ การเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของกำลังการผลิตใหม่และต้นทุนวัตถุดิบที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง จะกดดันส่วนต่างราคาปิโตรเคมีบางประเภทในไตรมาส 4/65 จากแนวโน้มดังกล่าว เราจึงคาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่จะอ่อนตัวลง YoY และยังคงทรงตัว (หรืออ่อนตัวเล็กน้อย) QoQ ในไตรมาสดังกล่าว อย่างไรก็ตาม อุปทานที่มีจำกัดซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการควบคุมมลพิษของจีน และ/หรือ ความล่าช้าในการเริ่มดำเนินงานของกําลังการผลิตใหม่ อาจเป็นอัพไซด์ต่อราคาและส่วนต่างราคาปิโตรเคมี

- Advertisement -