บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:

Total Access Communication (DTAC TB) เดินหน้าควบรวมให้เสร็จภายใน 1Q66

ควบรวมไร้อุปสรรคภายนอกแล้ว “ซื้อ”

ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวฯ คดีควบรวมธุรกิจ “TRUE-DTAC” ส่งผลให้สามารถเดินหน้าควบรวมกิจการต่อได้ ความคืบหน้าในการควบรวมนับจากนี้ไปจนถึงสิ้นไตรมาส 1/66 ถือเป็นปัจจัยบวกที่จะหนุนให้ราคาหุ้น DTAC ปรับเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม เราคาดการณ์กำไรหลักในไตรมาส 4/65 จะอ่อนแอที่ 239 ล้านบาท ลดลง 51.7% QoQ เนื่องจากรายได้ทรงตัวและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น (เช่น ค่าเครือข่ายและค่าใช้จ่ายทางการตลาด) โดย DTAC จะรายงานผลประกอบการในวันที่ 31 ม.ค. 2566 คงคำแนะนำ “ซื้อ” DTAC ราคา เป้าหมายเดิมที่ 51.10 บาท (7.6% WACC, 2.0% TG)

เดินหน้าควบรวมกิจการให้เสร็จสิ้นในไตรมาส 1/66

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ศาลปกครองกลางตัดสินยกคำร้องชั่วคราวฯ คดีควบรวมธุรกิจ ทรู-ดีแทค ซึ่งขั้นตอนต่อไปสำหรับการควบรวมธุรกิจ คือ 1) ซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้น TRUE และ DTAC ที่ไม่เห็นด้วยในเดือนธันวาคม 2565 หรือมกราคม 2566 (ที่ราคา 50.5 บาทต่อหุ้นสําหรับ DTAC และ 5.15 บาทต่อหุ้นสำหรับ TRUE) 2) จัดประชุมผู้ถือหุ้นร่วมกันในเดือน ม.ค. 2566 3) จดทะเบียนบริษัทใหม่ และ 4) นำบริษัทใหม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (น่าจะภายใน 1Q66 ในมุมมองของเรา)

คาดกำไรสุทธิหลัก 4Q65 ลดเหลือเพียง 239 ล้านบาท

เราคาดการณ์กำไรหลัก 4Q65 ที่ 239 ล้านบาท (-60.2% YoY, -51.7% QoQ) จากรายได้บริการหลัก 1.4 หมื่นล้านบาท (-0.2% YoY, +0.3% QoQ) รายได้ค่อนข้างคงที่ QoQ เกิดจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น (จาก 3.6 ล้านคนในไตรมาส 3/65 เป็น 5 ล้านคนในไตรมาส 4/65) ซึ่งชดเชยกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศที่อ่อนแอ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากำไรจะลดลงอย่างมากที่ 51.7% QoQ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงข่าย (network opex) ที่เพิ่มขึ้น 10.0% (ค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น) และค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาดที่เพิ่มขึ้น 17.1%

ลดคาดการณ์กำไรปี 65 ลง 9.4% หลังปรับประมาณการค่าใช้จ่าย

เราลดคาดการณ์กำไรสุทธิหลักปี 65 ลง 9.4% หลังจากเพิ่มค่าใช้จ่ายด้านเครือข่าย 1.6% และค่าใช้จ่าย SG&A 1.0% ในขณะที่ 4Q65 ยังคงได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนแอ และการแข่งขันที่รุนแรง เราเชื่อว่านักลงทุนจะให้ความสำคัญกับความคืบหน้าในการควบรวมกิจการในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้ามากกว่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลงที่ 51.10 บาท อิงจากมูลค่าที่เหมาะสมของบริษัทใหม่ที่ 8.33 บาท/หุ้น

- Advertisement -