Our View? “รับแรงกระแทก”
คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,615 / 1,610 และแนวต้านที่บริเวณ 1,620 /1,625 คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงลบจากทิศทางตลาดต่างประเทศปรับตัวลงแรงจากความกังวลการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ราว 2.00% สะท้อนว่า FED อาจต้องคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย อีกทั้งยังมีการปรับคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ในปี’66 ลงเหลือเพียง 0.5% จากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ระดับ 1.2% ปรับอัตราการว่างงานขึ้นสู่ระดับ 4.6% จากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ระดับ 4.4% ปรับดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) สู่ระดับ 3.1% จากก่อนหน้าคาดที่ 2.8% บ่งชี้ว่า FED คาดการณ์เงินเฟ้อจะยังอยู่ในระดับสูงต่อไป ทำให้ FED ต้องใช้เครื่องมือทางการเงินทุกอย่างเพื่อให้อัตราเงินเฟ้อลดลง แม้อัตราการว่างจะสูงขึ้นก็ตาม ซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่เมื่อวานนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอยื่นรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวลดลสู่ระดับ 2.1 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ สะท้อนตลาดแรงงานสหรัฐยังแข็งแกร่งเพียงพอให้ FED สามารถขึ้นดอกเบี้ยได้ต่อ ทั้งนี้เรายังมองปัจจัยดังกล่าวเป็นเพียงจิตวิทยาเชิงลบระยะสั้นเท่านั้น เราคาดทิศทาตลาดหุ้นไทยจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นได้ในระยะถัดไป
ขณะที่การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) เมื่อวานนี้มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ตามที่ตลาดคาด และส่งสัญญาณยังคงจะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ตามอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันที่อยู่ในระดับที่สูง ขณะที่จะเริ่มทำการปรับลด ขนาดของงบดุล (QT) ที่ 1.5 หมื่นล้านยูโร/เดือน ตั้งแต่เดือน มี.ค. 66 คาดจะเป็นปัจจัยลดทอนกระแสเงินทุนส่วนเกินได้เพิ่มเติม มองเป็นปัจจัยลบต่อทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงบ้างเล็กน้อย
ทางด้านสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ม.ค. เมื่อคืนนี้เริ่มอ่อนตัวลงแล้วปิดที่ระดับ 76.11 ดอลลาร์/บาร์เรล -1.7 ดอลลาร์ (-1.51%) ได้รับแรงกดดันจากความกังวลธนาคารกลางต่างๆ ของโลกเดือนหน้าปรับขึ้น ดอกเบี้ยต่อเนื่อง ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงกดดันอุปสงค์น้ำมันอ่อนแอลง อีกทั้งยังมีรายงานท่อส่งน้ำมัน Keystone ของแคนนาดาเริ่มกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง คาดจะกดดันทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลงถ่วงตลาดได้เพิ่มเติม
สําหรับปัจจัยในประเทศวันนี้ เราแนะนำติดตามการประกาศรายชื่อหุ้นที่จะเข้าคำนวณใน SET50 และ SET100 โดยตลาดคาดว่าตัวที่อาจจะสามารถเข้าคานวณได้แก่ BJC, COM7, RATCH และ DELTA ซึ่งอาจเห็นแรงเก็งกำไรระยะสั้น ก่อนการเข้าคำนวณได้บ้าง แต่ให้ระมัดระวังแรงขายทำกำไรระยะสั้น หลังการประกาศรายชื่อ อย่างไรก็ดี เรายังมุมมองภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาพของการฟื้นตัวต่อเนื่อง จากแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวและบริโภคของภาคเอกชน และถือเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่เศรษฐกิจสามารถขยายตัวต่อเนื่องในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า อีกทั้งแนวโน้มการเลือกตั้งใหญ่ของไทยที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือน มี.ค. – พ.ค. 66 เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย โดยเรายังคงชอบหนุนต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, CRC, MAKRO และ BJC) ต่อเนื่องทั้งนี้คาดสัปดาห์หน้า ครม. อาจมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี รวมทั้งเรายังชอบหุ้นในกลุ่มโฆษณา (PLANB และ VGI) ที่คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และฟื้นตัวขึ้นโดดเด่นตั้งแต่ช่วง 3Q65 คาดจะหนุนทิศทางราคาฟื้นตัวกลับขึ้นได้ต่อ และหุ้นในกลุ่มบริการสถานีน้ำมัน (BCP, OR และ PTG) คาดจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นได้อีกครั้ง ตามการเข้าสู่ช่วงวันหยุดในเทศกาลปีใหม่ หนุนการเดินทางมากขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มดังกล่าว ขณะที่เริ่มเห็นธนาคารพาณิชย์ทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยตอบรับผลการประชุม กนง. ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, BBL, SCB และ KTB) อีกทั้งเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่ ตลท. เปิดเผยมีหุ้นไทยเข้าติดดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) เพิ่ม 3 บริษัทคือ CRC, GPSC และ SCGP โดยจะปรับน้ำหนักวันที่ 19 ธ.ค. คาดจะเห็นแรงซื้อหุ้นดังกล่าวได้ ในส่วนของการที่ CPF ประกาศซื้อหุ้นคืนในวงเงินไม่เกิน 5 พันล้านบาท คิดเป็นราว 2.32% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดตั้งแต่ วันที่ 19 ธ.ค. 65 – 18 มิ.ย. 66 เรามองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาช่วยจํากัด Downside ของ CPF และอาจมีแรงชื้อเก็งกำไรเล่นรีบาวด์ได้บ้างในช่วงสั้น
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนําวันนี้ “PLANB”
กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม แนวรับ 7.50 / 7.30 Target 8.00 / 8.50 Stop <7.25