สรุปภาวะตลาด
วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงการซื้อ-ขาย มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มพลังงาน การปรับตัวลงเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ จากประเด็นความกังวลว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกเพื่อสกัดเงินเฟ้อนั้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,619.01 จุด -1.27 จุด -0.08% มูลค่าการซื้อขาย 66,299.75 ลบ. ต่างชาติ +2,310.88 ลบ. TFEX +16,361 สัญญา ตราสารหนี้ -1,053.36 ลบ.
ปัจจัยบวก+
+ สมาคมผู้ผลิตยานยนต์จีน (CAAM) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลระดับไฮเอนด์ที่ผลิตในจีนขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศตลอดช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา แม้จะเผชิญกับการหยุดชะงักจากโควิด-19 โดยรถยนต์ข้างต้นสามารถขายได้มากกว่า 3.51 ล้านคัน ในจีน เพิ่มขึ้น 12.7%YoY
+ เหล่าผู้เจรจาของสหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงในการปรับปรุงตลาดคาร์บอนใหม่ ซึ่งเป็นเครื่องมือด้านโย บายหลักของ EU ในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน
+ รมว.พาณิชย์ กล่าวในงาน Hmong Economic Leaders 2022 ว่าภาวะการส่งออกของไทยในปี 65 คาดว่าจะมีมูลค่าราว 9 ล้านล้านบาท โดยอัตราการเติบโตจะมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น 7% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก ปี 64 ที่มีมูลค่ารวม 8.5 ล้านล้านบาท ส่วนในปี 66 คาดว่าจะมีมูลค่าการส่งออกราว 9.25 ล้านล้านบาท
ปัจจัยลบ-
– ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 281.76 จุด หรือ -0.85% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 1.7% และยังติดลบเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันด้วย เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกเพิ่มขึ้นว่า การเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเพื่อควบคุมเงินจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
– สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 1.82 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 14.29 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากธนาคารกลางรายใหญ่ส่งสัญญาณว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีหน้า ซึ่งทำให้เกิดความวิตกว่าเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งอาจทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลง อย่างไรก็ตาม ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 4.6%
– สหรัฐเปิดเผย PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้น ปรับตัวลงสู่ระดับ 44.6 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 46.4 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนี PMI ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว และหดตัวเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน
– รัฐบาลสหรัฐดำเนินการขึ้นบัญชีดำบริษัทเทคโนโลยีจีน รวมทั้งหมด 36 แห่ง ซึ่งถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลก
– เมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเงินของจีน ประกาศปิดโรงเรียนส่วนใหญ่ในวันนี้ เนื่องจากความกังวลว่าการยกเลิกมาตรการเข้มงวดในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
แนวโน้มตลาดวันนี้
คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยยังแกร่งล้านแวนระหว่างวัน โดยนักลงทุนยังวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐข้าสู่ภาวะถดถอย ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง ยังกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,610-1,625 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
- FTSE SET Large Cap : หุ้นเข้า AWC หุ้นออก JTS FTSE SET Mid Cap : หุ้นเข้า JTS RAM TLI หุ้นออก AWC BTSGIF TFFIF มีผล 19 ธ.ค.65
- ลุ้นช้อปดีมีคืนปี 66 : BJC CPALL MAKRO CRC COM7 SPVI CPW JMART HMPRO ZEN M AU
- จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเร่งตัวขึ้น : BCH CHG EKH THG WPH
- สินค้าส่งออกเดือน ต.ค. ที่ยังเติบโตได้ดี : TEAM HANA KCE SMT
หุ้นรายงานพิเศษ
HARN – “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี 66 เท่ากับ 2.43 บาท
- รายงานกำไรสุทธิงวด 3Q65 ที่ 28.4 ลบ. เติบโต 193.8%YoY และ 24.0%QoQ: บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 328.8 ลบ. เติบโตสูงถึง 39.8%YoY จากฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 9.4%QoQ จากการทยอยส่งมอบงานจากยอดคำสั่งซื้อค้างส่งจากปี 64 และสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง มี %GPM ที่ระดับ 29.4% ใกล้เคียง YoY, QoQ จากระดับ 29.3% ใน 3Q64 และที่ระดับ 29.7% ใน 2065 ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิงวด 3Q65 เท่ากับ 28.4 ลบ. คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 8.6% ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้ง YoY, QoQ จาก 4.0% ใน 3Q64 และ 7.6% ใน 2Q65
- คงประมาณการกำไรสุทธิปี 65 และปี 66 ที่ 85 ลบ. และ 89 ลบ. คิดเป็นการเติบโต 17%YoY และ 5%YoY ตามลำดับ คาดการณ์รายได้และกำไรสุทธิปี 65 ที่ 1,180 ลบ. และ 85 ลบ. เติบโต 15% และ 17% จากปี 64 โดยรายได้และกำไรในช่วง 9M65 คิดเป็น 78% และ 80% ของประมาณการปี 65 ส่วนรายได้ในงวด 4Q65 บริษัทคาดอยู่บริเวณ 327-345 ลบ. เติบโตเล็กน้อย QoQ แต่เติบโต 23- 30%YoY จากผลการดำเนินงานของบริษัทที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ทำให้ประมาณการเราในปี 65 มีอัพไซต์เล็กน้อย ณ สิ้นเดือน ก.ย. 65 มี backlog 467 ล้านบาท
- คงคําแนะนํา “ซื้อ” ปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 66 เท่ากับ 2.43 บาท ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวจากผลิตภัณฑ์วที่มีความหลากหลาย และเป็นสินค้าที่จําเป็นต้องใช้งานในอาคารและโรงงาน เราประมาณกำไรต่อหุ้นปี 66 เท่ากับ 0.152 บาท และใช้ Prospective P/E ใหม่ ที่ระดับ 16 เท่า (อิง PER ย้อนหลัง 5 ปีของบริษัทที่ระดับ +0.50SD) ลดลงจากเดิมที่ระดับ 18 เท่า เนื่องจากคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตของกำไรที่ชะลอลง (คาดกำไรปี 66 เพิ่มขึ้น 5%) ทำให้ได้ราคาเหมาะสมปี 66 เท่ากับ 2.43 บาท
หุ้นมีข่าว
(+) BGC (Bloomberg consensus 11.50 บาท) ใกล้ปิดดีล M&A เจรจาคืบหน้าแล้ว 80-90% คาดสรุปใน Q1/2566 ใช้เงินลงทุนประมาณ 600 ล้านบาท เล็งขยายลงทุนกลุ่มประเทศ CLMV คาดว่าจะเกิดขึ้นประมาณ 3-4 ปีข้างหน้า มองเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง ส่วนในปีหน้าตั้งเป้ายอดขายโต 7-10% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิด-19 ที่ดีขึ้นหนุนกำลังซื้อ รวมถึงตลาดส่งออกยังเติบโต (ที่มา ทันหุ้น)
(+) TAKUNI (Bloomberg consensus – บาท) ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ลุยธุรกิจใหม่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ผ่านบริษัท “อี้หาวมอเตอร์” ถือหุ้น 40% พร้อมร่วมทุนกับบริษัท SERSOL ในไทยและมาเลเซีย ตั้งเป้าโกยยอดขาย 7 หมื่นคัน ภายใน 3 ปีดันสัดส่วนรายได้ชน 60% พร้อมลงทุนธุรกิจเอาต์ซอร์สเซอร์วิส ปั๊มรายได้โตปีละ 2 เท่า (ที่มา ทันหุ้น)
(+) ORI (Bloomberg consensus 13.55 บาท) รุกธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์ครั้งแรก เปิดตัวค่ายเพลง “Origin Music” ร่วมปลุกกระแส T-Pop เดินหน้าปั้นแบรนด์สู่ Forever Young แบรนด์ ขวัญใจครองใจคน Gen Z ดึง 2 โปรดิวเซอร์มือเก๋านั่งแท่นผู้บริหารกางโครงสร้างธุรกิจลุยครบ ตั้งแต่ปั้นศิลปินนายแบบ-จัดคอนเสิร์ต-ผลิตซีรีส์ ต่อยอดแกร่ง (ที่มา ทันหุ้น)
(+) SUSCO (Bloomberg consensus 6.80 บาท) มั่นใจรายได้ปี 2565 แตะ 30,000 ล้านบาท จากปี 2564 ที่ทำได้ 20,184.77 ล้านบาท ด้านยอดขายน้ำมัน 3 เดือนสุดท้ายคึกคัก และมีน้ำมันอากาศยาน (JET) เข้ามาหนุน ปัจจุบันปริมาณการขายปรับตัวขึ้นราว 40% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากภาคการท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัว (ที่มา ทันหุ้น)
ปัจจัยจับตาในประเทศ
- 19 ธ.ค. ธปท. ประชุมนักวิเคราะห์
- สัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
- 30 ธ.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
ปัจจัยจับตาต่างประเทศ
- 19 ธ.ค. สหรัฐ รายงานดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย เดือนธ.ค. จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)
- 20 ธ.ค. ธนาคารกลางจีนประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR)
- สหรัฐ รายงานตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย.
- 21 ธ.ค. สหรัฐ รายงานดุลบัญชีเดินสะพัด 3Q65 ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.จาก Conference Board