สรุปภาวะตลาด

วันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบตลอดช่วงการซื้อ-ขาย โดยมีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มค้าปลีก เนื่องจากในวันน้ีมีประชุม ครม. ลุ้นแจกของขวัญปีใหม่ “เราเที่ยวด้วยกันและช้อปดีมีคืน” ขณะเดียวกันมีแรงขายในกลุ่มพลังงานกดตลาด ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,618.20 จุด -0.81 จุด -0.05% มูลค่าการซื้อขาย 44,499.02 ลบ. ต่างชาติ -807.02 ลบ. TFEX -14,280 สัญญา ตราสารหน้ี -3,734.78 ลบ.

ปัจจัยบวก+

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ +1.2% ปิด ที่ 75.19 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากความหวังว่า จีนจะกลับมาเปิดประเทศ หลังผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นปัจจัยกดดันตลาดในระหว่างวัน

+ บรรดาผู้นำระดับสูงของจีนเปิดเผยว่าจะมุ่งความสนใจไปการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้า โดยส่งสัญญาณว่าจะสนับสนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันที่มีแนวโน้มจะลดการใช้มาตรการกระตุ้นทางการคลัง

+ สสว.เผยปี 65 เอสเอ็มอีผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ลุ้น GDP SME โต 4.9% พร้อมคาดการณ์ปี 66 ขยายตัว 5.8%

+ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เตรียมเสนอ 3 มาตรการ เข้าที่ประชุม ครม. พิจารณาภายในวันที่ 20 ธ.ค. 2565 ประกอบด้วยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 เพื่อมอบของขวัญปีใหม่ปี 2566 จำนวน 5,400 ล้านบาท และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จำนวน 3,300 ล้านบาท และมาตรการขยายเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. เพื่อดำเนินมาการการกระตุ้นการท่องเที่ยว

ปัจจัยลบ-

– ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 162.92 จุด หรือ -0.49% เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด จะฉุดเศรษฐกิจสหรัฐให้เข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี PCE ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ

– นายไมค์ กัลลาเกอร์ ประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจเกี่ยวกับจีนเปิดเผยว่า เขาวางแผนที่จะตรวจสอบด้านการลงทุนของสหรัฐในจีน ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐและจีน

– สหรัฐวิตกว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของจีนในขณะนี้ อาจจะทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของไวรัส ขณะที่จีนยังคงเผชิญกับผลกระทบจากการผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์

– สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 2 จุดสู่ระดับ 31 ในเดือน ธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางปี 2565 และเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 12

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยนักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยจาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ Rebound คาดช่วยพยุงหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,610-1,625 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • FTSE SET Large Cap : หุ้นเข้า AWC หุ้นออก JTS ETSE SET Mid Cap : หุ้นเข้า JTS RAM TLI หุ้นออก AWC BTSGIF TFFIF มีผล 19 ธ.ค.65
  • ลุ้นช้อปที่มีคืนปี 66 : BJC CPALL MAKRO CRC COM7 SPVI CPW JMART HMPRO ZEN M AU
  • จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศเร่งตัวขึ้น : BCH CHG EKH THG WPH
  • สินค้าส่งออกเดือน ต.ค. ที่ยังเติบโตได้ดี : TEAM HANA KCE SMT

หุ้นรายงานพิเศษ

SPA – (ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเหมาะสม 10.80) รายงานขาดทุนลดลงตามคาด

  • รายงานขาดทุน 3Q65 ที่ 15 ลบ. ลดลงจาก 1Q65 และ 2065 ที่มีผลขาดทุน 57 ลบ. และขาดทุน 29 ลบ. ตามลำดับ เนื่องจากรายได้เติบโตสู่ 198 ลบ. เติบโต 48%QoQ และเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ YoY ตามจำนวน นักท่องเที่ยวเฉลี่ยต่อเดือนที่เพิ่มขึ้นสู่ 1.2 ล้านคนต่อเดือนใน 3Q65 เมื่อเทียบกับนักท่องเที่ยวเฉลี่ยเดือนละ 1.65 แสนคนต่อเดือนใน 1Q65 ทั้งนี้รายงานขาดทุน 9M65 ที่ 102 ลบ. ลดลงจาก 9M64 ที่มีผลขาดทุน 241 ลบ.
  • คาด 4Q65 ผลประกอบการมีโอกาสพลิกกลับมามีกำไร เนื่องจากเป็น High season ของการท่องเที่ยวโดยล่าสุดนักท่องเที่ยวปี 65 ถึง 10 ล้านคนเติบโตจากปีก่อนที่มี นักท่องเที่ยวเพียง 4.3 แสนคน เนื่องจากไทยยกเลิก Thailand pass ทำให้ไม่มีการตรวจเชื้อ COVID และกักตัว อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้น 60%YTD ซึ่งตอบรับข่าวดังกล่าวไปแล้ว และราคาปิดสูงกว่าราคาเหมาะสมปี 66 ที่ 10.80 บาท เราจึงแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว”

หุ้นมีข่าว

(+) SM (IPO = 2.04 บาท (P/E 23.72x), ราคาเหมาะสมเฉลี่ย 2.80-2.90 บาท) ผู้นำในธุรกิจจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและให้บริการสินเชื่อครบวงจรแห่งโซนภาคตะวันออก อาทิ (1) สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (2) สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่มิใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (3) สินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่น ทะเบียนรถ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงให้บริการเป็นนายหน้าประกันวินาศภัย 9M65 มีรายได้รวม 1,066.84 ลบ. เติบโต 12.09% YoY จากการเติบโตของธุรกิจสินเชื่อและการขยายสาขา ขณะที่กำไรสุทธิ 80.79 ลบ. -9%YoY เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบริหารในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพนักงานเพิ่มขึ้นจากการขยายสาขา IPO = 2.04 บาท จำนวน IPO 300 หุ้น เงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 583 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) นำไปใช้ขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อทุกประเภท ขยายสาขา รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย และ/หรือ ประกันชีวิต เป็นต้น

(+) MAJOR (Bloomberg consensus 23.05 บาท) รับกระแส “อวตาร” ดีเกินคาด เล็งปรับโปรแกรมฉายยาวถึงไตรมาส 1/2566 หนุนรายได้ทั้งปี 2565 ฟื้นแกร่ง แย้มโปรแกรมภาพยนตร์ต่างประเทศ-ภาพยนตร์ไทยทำเงินปี 2566 ไม่ต่ำกว่า 10 เรื่อง ฟากธุรกิจค้าปลีกเตรียมรับอานิสงส์ลดต้นทุน หนุนกำไรโต มั่นใจเศรษฐกิจไทย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ฟื้นต่อ เตรียมแผนเปิดโรงภาพยนตร์ ทั้งในไทย-CLMV ราว 40-50 โรง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ROJNA (Bloomberg consensus 6.35 บาท) ยอดขายที่ดินทะลุเป้า 3-4 ร้อยไร่ไปไกล หลังกระแสอีวีดัน เตรียมบุ๊กขายที่ดินให้กลุ่ม ปตท. สร้างโรงงานอีวี พื้นที่ 313 ไร่ Q4/2565 ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้า รับอานิสงส์ต้นทุนลด สวน Ft ขึ้นหนุนงบมีกำไรลงทุน GULF ปีหน้ารายได้แตะหมื่นล้านบาท โบรกปรับเป้าเป็น 7 บาท ชูยอดขายที่ดินแตะ 840 ไร่ สูงสุด (ที่มา ทันหุ้น)

(+) STEC (Bloomberg consensus 15.70 บาท) ตั้งเป้ารับงานใหม่ปี 2566 ที่ 3.5-4 หมื่นล้านบาท ลุยประมูลงานต่อเนื่อง ดันงานในมือเพิ่มจากปัจจุบันมีอยู่ 1.1 แสนล้านบาท คาดรับรู้ในปี 2566 ราว 3.2-3.3 หมื่นล้านบาท เตรียมพร้อมรับมือค่าแรงแพงรักษาระดับมาร์จิ้น ลุยเดินหน้าเรื่องคาร์บอน ส่วนโค้งสุดท้ายของปีเตรียมประมูลงานมอเตอร์เวย์ M82 ต่อยอด (ที่มา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

  • 20 ธ.ค. ประชุมครม.พิจารณาแพ็คเกจของขวัญที่แต่ละกระทรวงนำเสนอเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่
  • 20 ธ.ค. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส. อ.ท.) แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์
  • 30 ธ.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

  • 20 ธ.ค. ธนาคารกลางจีนประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR)
    • สหรัฐ รายงานตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย.
  • 21 ธ.ค. สหรัฐ รายงานดุลบัญชีเดินสะพัด 3Q65 ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.
  • 22 ธ.ค. สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ GDP 3Q65 ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนพ.ย. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนพ.ย.
  • 23 ธ.ค. ญี่ปุ่นรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนพ.ย. และธนาคารกลางญี่ปุ่นเปิดเผยรายงานการประชุม
    • สหรัฐรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ย. ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนธ.ค.
- Advertisement -