SM เปิดเทรดวันแรก 2.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.36 บาท หรือ 17.64% จากราคา IPO ที่ 2.04 บาท ล่าสุด บล.โกลเบล็ก ออกบทวิเคราะห์ประเมิน บมจ.สตาร์มันนี่ (SM) ให้ราคาเหมาะสมเฉลี่ย 2.80-2.90 บาท โดย ราคา IPO ที่ 2.04 บาท (P/E 23.72x)

SM ผู้นำในธุรกิจจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าและให้บริการสินเชื่อครบวงจรแห่งโซนภาคตะวันออก อาทิ (1) สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การก้ากับที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (2) สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การก้ากับที่มิใช่สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (3) สินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่น ทะเบียนรถ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงให้บริการเป็นนายหน้าประกันวินาศภัย

งวด 9 เดือนปี 65 มีรายได้รวม 1,066.84 ลบ. เติบโต 12.09%YoY จากการเติบโตของธุรกิจสินเชื่อและการขยายสาขา ขณะที่ กำไรสุทธิ 80.79 ลบ. -9%YoY เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบริหารในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพนักงานเพิ่มขึ้นจากการขยายสาขา ราคา IPO = 2.04 บาท จำนวน IPO 300 หุ้น เงินที่ได้จากการระดมทุนจ้านวนประมาณ 583 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง)น้าไปใช้ขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อทุกประเภท ขยายสาขา รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย และ/หรือประกันชีวิต เป็นต้น

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้มูลค่าพื้นฐานที่ 2.90 บาท มองว่า SM เป็นผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อรายเล็กที่คาดจะได้อานิสงค์บวกจากทั้งการเติบโตของเศรษฐกิจในกลุ่มจังหวัดนำร่องของโครงการ EEC พื้นที่ที่บริษัทมีความชำนําญและประสบการณ์ในการทำธุรกิจมายาวนาน นอกจากนี้หลังจากการ IPO คาดบริษัทจะมีระดับ D/E Ratio ลดต่ำลงเหลือราว 1.6x จาก ช่วงก่อน IPO ที่ 4.3x ทำให้บริษัทสามารถกลับมาเร่งขยายธุรกิจสินเชื่อได้ต่อเนื่องมากขึ้น เพราะจะมีช่องว่ํางสําหรับการใช้ Leverage ด้วยตราสารหนี้เพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในระยะยาวให้กับ SM ในแง่ Valuation ประเมินมูลค่าของ SM โดยอิง Prospective PBV ที่ 2.1x (ภายใต้สมมุติฐาน Sustainable ROE ที่ 14%, L-T growth ที่ 4%, Cost to Equity ที่ 8.7%, Rm 9% และ Rf 2.5%) ได้มูลค่าพื้นฐานที่ 2.90 บาท

บล.เอเซีย พลัส เคาะเป้า 2.80 บาท โดวระบุว่า SM เป็นผู้ประกอบการขายเองใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ในภาคตะวันออก ซึ่งให้บริการทั้งแบบขายสดและเงนิผ่อน นอกจากนี้ ยังปล่อยสินเชื่อเงินกู้ยืม ได้แก่ สินเชื่อจํานําทะเบียนรถ ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอีกด้วย โดยมีจุดเด่นด้านความชํานาญในพื้นที่และความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ซึ่งมีศักยภาพเติบโตอีกมากหลังระดมทุน IPO จากแนวโน้มการขยายสาขา 10-15 สาขา/ปี ซึ่งจะส่งผลบวกต่อแนวโน้มการขายสินค้าและสินเชื่อให้เติบโตตามไปด้วย ซึ่งแนวโน้มกําไรสุทธปี 65-67 จะเติบโต 7% yoy 36% yoy และ 15% yoy ตามลําดับ จากการขยายสาขา เน้นขายสินค้า margin สูง และเน้นปล่อยสินเชื่อมากขึ้น กําหนด Fair value ปี 66 เท่ากับ 2.80 บาท

ขณะที่ บล. เคจีไอ ประเมิน มูลค่าเหมาะสมที่ 2.70 บาท บน PE 18.5 เท่า ประมาณกำไรของบริษัทที่ 136/163/184 ล้านบาท ในปี 65/66/67 โดยกำไรสุทธิของบริษัทมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงผลตอบแทนสินเชื่อ โดยการเปลี่ยนแปลง 1% จะมีผลต่อกำไรสุทธิ 12% ประเมินมูลค่าหุ้นโดยใช้ PE 18.5 เท่า เช่นเดียวกับบริษัทนอนแบงก์อื่นๆ ทำให้ได้ราคาเหมาะสมที่ 2.70 บาท

- Advertisement -