ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

ซึมต่อ ความกังวลเศรษฐกิจโลกยังกดดันตลาด

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันอังคาร เทรดไซด์เวย์ต่อ…. หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวกรอบแคบๆ และยังแข็งกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชีย ซึ่งส่วนใหญ่ปรับลดลงตามความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยแรงซื้อในหุ้นกลุ่มการบริโภคเป็นปัจจัยช่วยกันดัชนีฯ ไว้… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมเป็นลบเล็กน้อย กล่าวคือ 1) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับฐานลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน หลังจากดัชนีชี้วัดภาคอสังหาฯ ของสหรัฐฯ ธ.ค. 2565 อยู่ที่ 31.0 ต่ำกว่าที่ consensus คาดเล็กน้อย และชี้ว่าตัวเลขภาคอสังหาฯ ที่จะออกมาในคืนวันนี้ เช่น ยอดใบอนุญาตก่อสร้าง และยอดเริ่มสร้างบ้าน พ.ย. อาจจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ (1) บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ รีบาวด์ หลังจากอดีตรองประธาน ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) นาย William Dudley ให้ความเห็นว่าตลาดการเงินยังมองระดับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดต่ำเกินไป (อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยฯ ไม่เห็นด้วยกับมุมมองดังกล่าว โดยเราประเมินว่าเฟดจะยุติการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 1/2566)….. ด้านปัจจัยภายในประเทศในวันนี้ที่ประชุม ครม. น่าจะมีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับต้นปี 2566 เช่นช้อปดีมีคืน (ตลาดคาดให้ใช้จ่าย 3 หมื่นบาท + ซื้อของออนไลน์ 1 หมื่นบาท) และมีโอกาสที่จะมีการต่อมาตรการภาคอสังหาริมทรัพย์ (ยึดเวลามาตรการลดค่าโอน และค่า จดจำนอง) เป็นต้น ซึ่งทางเรามองว่าแนวโน้มการใช้จ่ายบริโภคที่ยังแข็งแกร่งนี้ น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2566 และหนุน GDP ไทยให้แข็งแกร่งกว่าเศรษฐกิจโลกได้

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน 

เก็งกำไร OR*, TISCO*, GPSC*

  • OR* (เป้าพื้นฐาน 33.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 23.2 บาท และ 23.0 บาท / แนวต้าน 23.6 – 24.0 บาท และมีแนวต้านหลัก Trend line ที่ 24.3 บาท (Stop loss 22.6 บาท) 2) เราประเมินราคาหุ้นปรับลง Oversold มีโอกาส Rebound ระยะสั้น ขณะที่ฝ่ายวิจัยฯประเมินผลกระทบต่อกรณีการที่กองทุนต่างชาติแห่งหนึ่งจะถอนการลงทุนในหุ้น OR* (อ่านรายละเอียดในบทวิเคราะห์ข่าวใน “รู้ทันหุ้น” วานนี้เพิ่มเติม) เราคาดราคาหุ้นที่ปรับลงจากแรงขายดังกล่าวน่าจะเป็นเพียงระยะสั้น … อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินมีโอกาสที่ OR ตั้งสำรองฯ ธุรกิจคลังน้ำมันที่พม่า มูลค่าราว 700 – 900 ล้าน บาท (กระทบ EPS 0.08 บาท/หุ้น) แต่ไม่ได้กระทบปัจจัยพื้นฐานระยะยาว 3) ฝ่ายวิจัยฯยังคงคาดธุรกิจปั๊มน้ำมันฟื้นตัวเด่นจากการเปิดประเทศและค่าการตลาดฯ ที่ฟื้น รวมทั้งคาดไม่มีผลขาดทุนสต๊อกน้ำมันก้อนใหญ่เช่นใน 3Q65
  • TISCO* (เป้าพื้นฐาน 107.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 98.5 บาท / แนวต้าน 100 – 102 บาท กรณี Break ผ่านแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 107 บาท (Stop loss 97.75 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจากยอดขายรถยนต์ที่กลับมาฟื้นตัวแรง โดยเฉพาะกระแสรถยนต์ อีวี รวมทั้งสินเชื่อธุรกิจที่ฟื้นตัวตั้งแต่ 3Q65 ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ฝ่ายวิจัยฯ คาดกําไรปีหน้าโต +10.6% YoY 3) Forward PE 10 เท่า (เท่ากับค่าเฉลี่ยในอดีต) และคาดปันผลสําหรับปี 2565 หุ้นละ 7.5 บาท (Yield 7.6%)
  • GPSC* (เป้าพื้นฐาน 74 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 72 บาท / แนวต้าน 75.5 บาท กรณี Break ผ่านแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 78 บาท (Stop loss 70 บาท) 2) รับ Sentiment บวกจากการปรับขึ้นค่า Ft ชดเชยต้นทุนพลังงาน ขณะที่แนวโน้มต้นทุนพลังงานปี 2566 คาดแนวโน้มปรับขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงเทียบกับปีนี้ + ค่าเงินบาทจะพลิกกลับเป็นแข็งค่า 3) ประเมิน Sentiment บวกจากการประกาศร่วมลงทุนธุรกิจแบตเตอรี่กำลังการผลิต 1 GWh ใน 4Q66 และขยายเป็น 2 GWh ในปี 2568 (บ.JV Nuovo plus ที่ GPSC ถือ 49% และ PTT ถือ 51% จะ ร่วม JV กับ บ. Gotion โดย บ. Nuovo plus จะถือหุ้นใน บ. JV ใหม่ 51%)

หุ้นมีข่าว

(+) ครม.แจกช้อปดีมีคืน ขยายลดค่าฟีอสังหาฯ ชู 14 หุ้นเด่นรับช้อปฯ COM7* CRC* CENTEL* AEONTS* นำทีม (ข่าวหุ้น) ซึ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าครม.วันนี้ (20 ธ.ค.) คาด “ช้อปดีมีคืน กลับมาแน่ พร้อมขยายเวลาลดค่าธรรมเนียมการโอนจำนองที่ดิน ส่วน “คนละครึ่งเฟส 6” ยังต้องลุ้น ด้านบล.เอเซีย พลัส เปิดโผ 14 หุ้นเด่นรับอานิสงส์ “ช้อปดีมีคืน” ชู CENTEL*, MINT*, BEM*, CPN*, KTC*, AEONTS*, BEC*, MAKRO*, HMPRO*, ADVANC*, COM7*, CRC*, CPALL*, BJC*

(+) PSH* ผนึกสิงคโปร์-ไต้หวัน ตั้งกองทุนกว่า 2.5 หมื่นล. (ทันหุ้น) PSH* ประกาศความร่วมมือกับ 2 ยักษ์ธุรกิจชั้นนำจากสิงคโปร์และไต้หวัน จัดตั้งกองทุน “CapitaLand SEA Logistics Fund” ตั้งเป้ามูลค่า อสังหาริมทรัพย์ภายใต้การจัดการกว่า 25,000 ล้านบาท ร่วมลงทุนเริ่มต้นที่ราว 6,750 ล้านบาท โดยมีทางเลือกเพิ่มการลงทุนได้สูงสุดราว 13,500 ล้านบาท พัฒนานวัตกรรมการบริหารจัดการคลังจัดเก็บและกระจายสินค้าให้บริการครอบคลุมทุกประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

(+) ADVANC* เฮ! ศาลยกคำร้องข้อพิพาท NT 1.12 พันล้านบ. (ทันหุ้น) ADVANC เผย อนุญาโตตุลาการยกคำเสนอของ NT กรณีข้อพิพาทส่วนแบ่งค่าเช่าระบบสื่อสัญญาณ จำนวน 1,121.91 ล้านบาท ทั้งนี้ NT มีสิทธิขอเพิกถอนคำชี้ขาดต่อศาลปกครองกลาง ขณะที่เตรียมความพร้อมเน็ตบ้าน-5G รับเทศกาลปีใหม่

(+) ROJNA ที่ดินเร่งทะลุเป้า แห่ลงทุนอีวี-เอฟทีหนุน (ทันหุ้น) ROJNA ยอดขายที่ดินทะลุเป้า 3-4 ร้อยไร่ ไปไกล หลังกระแสอีวีดัน เตรียมปักขายที่ดินให้กลุ่ม ปตท. สร้างโรงงานอีวี พื้นที่ 313 ไร่ Q4/2565 ส่วน ธุรกิจโรงไฟฟ้า รับอานิสงส์ต้นทุนลด ส่วน Ft ขึ้นหนุนงบ มีกำไรลงทุน GULF ปีหน้ารายได้แตะหมื่นล้านบาท โบรกปรับเป้าเป็น 7 บาท ชูยอดขายที่ดินแตะ 840 ไร่ สูงสุด

(+) PRI โชว์พอร์ตบริหาร งานขายแตะ 7.7 พันล. รุกเจาะตลาดใหม่ๆ (ทันหุ้น) PRI โชว์พอร์ต Sole Agent โครงการอสังหาครอบคลุมกรุงเทพฯ-ปริมณฑล-EEC-เขาใหญ่ มูลค่ารวมกว่า 7,700 ล้านบาท พร้อมขึ้นแท่นหนึ่งในผู้นำตลาดบริหารงานขายแถบ EEC เล็งเจาะตลาดกรุงเทพฯ-ปริมณฑล-หัวเมืองตากอากาศ และโครงการที่เจาะตลาดต่างชาติ ควบคู่ขยายฐานผู้ซื้อต่างชาติรับโอกาสนานาชาติกลับมาเปิดประเทศ

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • CPALL* (เป้าพื้นฐาน 74 บาท) แนวรับ 65.75 บาท / แนวต้าน 68-69 บาท (Trailing stop 65 บาท)
  • GLOBAL (เป้าพื้นฐาน 24.4 บาท) แนวรับ 20.6 บาท / แนวต้าน 21.3-22.0 บาท (Trailing stop 20.2 บาท)
  • WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.4 บาท) แนวรับ 3.88 บาท / แนวต้าน 3.98-4.06 บาท (Stop loss 3.82 บาท)
  • BDMS* (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 28.0 บาท / แนวต้าน 28.5-30.0 บาท (Stop loss 27.5 บาท)
  • INTUCH* (เป้า IAA Consensus 81.7 บาท) แนวรับ 75.0 บาท / แนวต้าน 76.5-78.0 บาท (Stop loss 74.0 บาท)
  • M* (เป้าพื้นฐาน 68.75 บาท) แนวรับ 57.5 บาท / แนวต้าน 59.0-60.0 บาท (Stop loss 57.0 บาท)
  • SHR (เป้าพื้นฐาน 4.90 บาท) แนวรับ 3.90 บาท / แนวต้าน 4.04-4.10 บาท (Stop loss 3.88 บาท)
  • GULF* (เป้าพื้นฐาน 58 บาท) แนวรับ 54.0 บาท / แนวต้าน 56-57 บาท (Stop loss 53.25 บาท)
  • BJC* (เป้า Consensus 38.8 บาท) แนวรับ 34.25 บาท / แนวต้าน 35.0-36.0 บาท (Stop loss 33.75 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • SUN แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 5.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 4Q65 = 69 ล้านบาท (+5% YoY, +114% QoQ) โดยคาดจะพลิกมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (จากเดิมที่ขาดทุนในไตรมาสก่อนหน้า) แม้คาดยอดขายจะลดลง -15% YoY และ -15% QoQ เพราะขาดแคลนวัตถุดิบ (ข้าวโพดหวาน) และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลง QoQ เนื่องจากเงินบาทแข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยฯ คาดผลการดำเนินงานปีนี้จะเป็นจุดต่ำสุด และยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 เอาไว้เท่าเดิมที่ 239 ล้านบาท (+52% YoY)
- Advertisement -