ลุ้น Rebound คาดหวัง Window dressing ช่วยพยุง
ตลาดหุ้นวานนี้… SET Index ปิดที่ 1,604.44 จุด ลดลง 13.76 จุด (-0.85%) มูลค่าการซื้อขาย 58,700.96 ล้านบาท จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐและยุโรป รวมถึงภาพรวมการชะลอตัวเศรษฐกิจโลกในปีหน้า
แนวโน้มตลาดวันนี้… ลุ้น Rebound ตามตลาดต่างประเทศ หลังรับรู้ปัจจัยลบจาก BOJ ที่สร้างความประหลาดใจต่อตลาดด้วยการประกาศขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี จากเดิมที่อยู่ในกรอบ -0.25% ถึง +0.25% สู่กรอบ -0.5% ถึง +0.5% จนเกิดแรงขายทั่วภูมิภาควานนี้ ขณะที่ค่าเงินเยน/ดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าสูงสุดในรอบ 4 เดือน ประเมินภาพระยะสั้นมีโอกาสรีบาวน์เพื่อลงต่อตามแนวโน้มที่เป็นขาลง ขณะที่สภาคองเกรสเตรียมเสนอร่างงบฯแผ่นดิน 1.7 ล้านล้านดอลล์ ส่วนใหญ่เป็นงบกลาโหม สะท้อนภาพความยืดเยื้อของวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน และหากไม่ผ่านร่างฯ นี้ อาจเกิดการ shutdown หน่วยงานภาครัฐบางส่วน ส่วนปัจจัยในประเทศ Update หุ้นเข้าออกดัชนี SET50/100 และผลการประชุม ครม. วานนี้ เช่น อนุมัติมาตรการช้อปดีมีคืน เป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก ทั้งนี้ ติดตามดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พ.ย. ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ตลาดคาดทรงตัว 0.2%MoM หากออกมาดีกว่าคาดจะเป็นอีกปัจจัยให้เฟดผ่อนปรนการดำเนินนโยบายการเงิน
กลยุทธ์การลงทุน … ประเมิน SET Index ลุ้นรีบาวนด์ทางเทคนิค ทดสอบแนวต้าน 1610/1616 หากพอร์ทว่างแนะนำเก็งกำไร เน้นยืนแนวรับ 1600/1596 โดย Selective Buy ในหุ้นที่อิงกับปัจจัยบวกภายในประเทศ เช่นกลุ่มค้าปลีก CPALL DOHOME MBK COM7 JMART ท่องเที่ยว SHR MINT CENTEL ERW AAV SPA ธนาคาร BBL KBANK TTB Window dressing target ADVANC SCC TU PTT OR AOT TLI
เคาะไป คุยไป … KKP
- แนวโน้ม 4Q65 จะเห็นสินเชื่อขยายตัวไม่มาก เนื่องจากพรบ.เช่าซื้อใหม่ที่กำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ย ซึ่ง KKP จะต้องปรับพอร์ทจากรถยนต์เก่า (แต่ก่อน KKP คิดดอกเบี้ยเกิน 15%) ไปสู่รถยนต์ใหม่มากขึ้น (KKP คิดดอกเบี้ยไม่เกิน 10% อยู่แล้ว) แต่ทั้งนี้เราเชื่อว่าธนาคารจะปรับกลยุทธ์ไปยังสินเชื่อรถแลกเงิน Car Quick Cash ที่มี Yield สูง เพื่อชดเชยกับต้นทุนการเงินที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่วนด้าน Non-NII ยังรับรู้รายได้จากดีล IPO (หุ้น BTG) ส่งผลให้ภาพรวมทั้งปี ประเมินกำไรสุทธิอยู่ที่ 8.1 พันล้านบาท (+28.4%YoY) ทำนิวไฮ และคาดว่ากำไรสุทธิจะยังขยายตัวต่อเนื่องในปี 66 ที่ 8.4%YoY แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 67.50 บาท อิง PBV 1.24 เท่า ขณะที่ Dividend yield คาดหวังที่ 5.6% และ 6.2% ในปี 65 และ 66 ตามลำดับ
Global Markets
( + ) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก ฟื้นตัวหลังจากที่ร่วงลงติดต่อกัน 4 วัน แต่มีปัจจัยกดดันรออยู่อย่างแนวโน้มการใช้จ่ายที่อ่อนแอในช่วงเทศกาลวันหยุดของผู้บริโภค และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นหลังประกาศขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในการประชุมเมื่อวานนี้
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบหลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน
(+) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับตัวขึ้นจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และข่าวสหรัฐวางแผนซื้อน้ำมันเพื่อนำเข้าสู่คลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR)
(+) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันศุกร์นี้
ประเด็นเด่นวันนี้
- ครม.มอบของขวัญให้ประชาชนเพียบ วานนี้ครมเห็นชอบ 1.) โครงการช็อปดีมีคืน มูลค่า 40,000 บาทต่อคน 2.) ขึ้นมอร์เตอร์เวย์ฟรีในทางหลวงหมายเลข 6,7 และ 9 ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.65 – 4 ม.ค. 56 3.) ยกเว้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีแดง, เรือไฟฟ้า รวมถึงลดค่าโดยสาร บขส. 10% ทุกเส้นทาง 3.) ขยายเวลาเดินรถเมล์ในกทม.ถึง 2.00 น. ของวันที่ 1 ม.ค. 66 4). ตรึงราคาน้ำมันทุกชนิด ตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค.65-4 ม.ค. 56 5.) ให้บริการทำหนังสือเดินทางฟรี โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเล่ม ในวันที่ 3-13 ม.ค.66 6.) ลดหย่อนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 66 ร้อยละ 15 และลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดสิทธิและนิติกรรมที่อยู่อาศัยปี 66 เหลือร้อยละ 0.01 และอื่นๆ ***โดยรวมมาตรการส่วนใหญ่อิงไปในทิศทางช่วยเหลือค่าครองชีพของประชาชน สนับสนุนการจับจ่ายใช้สอย และท่องเที่ยว คาดจะช่วยเสริมบรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงปลายปี หนุนทั้งหุ้นในกลุ่มค้าปลีก ท่องเที่ยว กลับมาคึกคักในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
- ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นกว่า 2.5% หลังธนาคารกลางญี่ปุ่นเดินหน้าคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ -0.1% พร้อมเดินหน้ารักษาระดับ 10-Year Government Bond ใกล้ระดับ 0% ขณะที่ปลดล็อกให้ Long term yields สามารถแกว่งตัวในกรอบที่กว้างขึ้นคือ -0.5% ถึง +0.5% จากเดิม -0.25% ถึง +0.25% ดึงดูดเม็ดเงิน ลงทุนเข้าสู่ตลาดญี่ปุ่น กดดันต่อ Fund flow โดยวานนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 1,737.29 ลบ. รวม MTD นักลงทุนต่างชาติเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่ขายสุทธิในหุ้นไทยกว่า 8,342.04 ลบ. ในระยะสั้นจึงอาจกดดัน Upside ของหุ้นในกลุ่ม Big cap โดยทางฝ่ายยังมองหุ้น Domestic Play และกลุ่มธนาคารยังเป็นกลุ่มที่น่าสนใจและมีปัจจัยหนุนต่อเนื่อง
- ประกาศหุ้นเข้า SET50/100 ตัวใดน่าสนใจบ้าง วานนี้ ตลท. ประกาศหุ้นเข้า-ออกดัชนี SET 50/100 โดยมีหุ้นที่เข้า SET 50 ได้แก่ CENTEL COM7 DELTA RATCH ขณะที่หุ้นเข้า SET100 ได้แก่ AAV BYD DELTA JAS NEX SABUY THG โดยทางฝ่ายมองหุ้นที่มีปัจจัยเสริมเพิ่มเติม ได้แก่ AAV ที่ได้ประโยชน์จาก ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงการท่องเที่ยวภายในโค้งสุดท้ายที่ได้รับแรงหนุนจากโครงการของรัฐบาล, COM7 ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการช๊อปดีมีคืน ซึ่งได้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีในส่วนของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า 40,000 บาท ต่อคน