บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Gulf Energy Development (GULF.BK/GULF TB)*

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว

Event

ปรับเพิ่มกำไรและราคาเป้าหมาย

Impact

ผลบวกจากการปรับขึ้นค่า Ft เป็น 1.9044 บาท/kWh (+97.01) ในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. 2566

คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำหนดค่า Ft อัตราใหม่ (ม.ค. – เม.ย. 2566) ที่ 1.9044 บาท/kWh (+97.01) ทำให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 5.69 บาท/kWh (จาก 4.72 บาท/kWh) สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้า ในภาคอุตสาหกรรม (IU) ไม่รวมผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อย โดยค่า Ft ที่ปรับใหม่สะท้อนราคา pool gas ที่สูงขึ้น จากการนำเข้า LNG จำนวนมาก และปริมาณก๊าซจากเมียนมาร์ และแหล่งก๊าซเอราวัณที่ต่ำกว่าเป้า เราคาดว่าจะมีการขึ้นค่า Ft อีกสองรอบในปี 2566 (พ.ค.-ส.ค. และ ก.ย.-ธ.ค.) โดยเรามองว่าผู้เล่น SPP (ขายไฟฟ้าให้ IU) และพลังงาน RE ที่มีโครงการ adder จะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้

ปรับเพิ่มกำไรเพื่อสะท้อนสมมติฐานใหม่ของค่า Ft, ราคาก๊าซ และ USD/THB

เราปรับเพิ่มกำไรหลักในปี 2566-67F ขึ้นอีก 9% เพื่อสะท้อนถึงการขึ้นค่า Ft แม้ราคาก๊าซ SPP จะสูงขึ้น และ USD/THB ที่ลดลง เราคาดว่าราคาก๊าซเฉลี่ยในปี 2566F จะลดลงมาอยู่ที่ 470 บาท/mmbtu (จาก 500 บาท/mmbtu ในปี 2565F) ก่อนที่จะลดลงไปอยู่ที่ 320 บาท/mmbtu ในปี 2567F ในขณะเดียวกัน เราคาดว่าจะมีการทยอยปรับขึ้นค่า Ft อีกในปี 2566 ก่อนที่จะทรงตัวในปี 2567 ดังนั้น เราจึงคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักของ GULF จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 1.9 หมื่นลบ. (+66% YoY) ในปี 2566F และจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.3 หมื่นลบ. (+25% YoY) ในปี 2567F ซึ่งสูงกว่า consensus 17-19% โดยเราคาดว่าผลปรกอบการของ GULF จะได้แรงหนุนจากราคาก๊าซของ SPP ที่ลดลง, กำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้น (GPD Unit1-2, Jackson Generation, Duqm Phase2-3) และการรับรู้กำไรเต็มปีจาก GSRC

จะเกิดอะไรขึ้นในปี 2566F และหลังจากนั้น…?

เรามองว่า GULF กำลังก้าวไปไกลกว่าจะเป็นแค่ผู้ผลิตไฟฟ้าแบบ conventional เพราะบริษัทมักจะสร้างความแปลกใจให้กับนักลงทุนด้วยโครงการและธุรกิจใหม่ที่น่าตื่นเต้น ซึ่งคู่แข่งไม่อาจทาบติด ซึ่งเป็นเหตุให้หุ้น GULF มักจะมี premium มากกว่าหุ้นอื่นในกลุ่มฯ ทั้งนี้ GULF กำลังหา S-Curve ตัวใหม่ ด้วยการมุ่งไปทางด้านของธุรกิจพลังงานหมุนเวียน, data center, สื่อสาร, ดิจิทัล และโครงสร้างพื้นฐาน ในขณะที่ยังมีกระแสเงินสด recurring แข็งแกร่งโดยไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องสัดส่วนหนี้สินต่อทุนเมื่อเทียบกับหุ้นอื่นๆ ในกลุ่ม สำหรับในระยะสั้นปี เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจหลักใน 4Q65F จะดีดตัวขึ้นมาอยู่ที่ 2.9-3.1 พันลบ. จากการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มไตรมาสของ GSRC Unit 4 และการขึ้นค่า Ft

Valuation & Action

เรายังแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมาย DCF ปี 2566 ใหม่ 62 บาท จากเดิม 58 บาท เรายังเลือก GULF เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มฯ จากปัจจัยพื้นฐานที่เหนือกว่าในแง่ของการเติบโต เครือข่ายทางธุรกิจ และยังมีช่องให้ leverage เพิ่มได้อีกมาก เราคาดว่า GULF จะยังคงสถานะ outperform หุ้นอื่นในกลุ่มฯ จากโมเมนตัมกำไรที่ราบรื่นกว่า และมีโครงการในมือที่ชัดเจนกว่ามาก

Risks

ปิดซ่อมบำรุงนอกแผน, เกิดปัญหา cost overruns, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย

- Advertisement -