บล.บัวหลวง: 

Land and Houses (LH TB/LH.BK)

LH – ผู้เล่นที่ดีที่สุดของกลุ่มอสังหาฯในไตรมาส 4/65 โดยปี 2566 จะเป็นปีของ LH

LH มีแผนธุรกิจที่น่าตื่นเต้นสำหรับปี 2566 โดยจะเน้นไปที่กลุ่มโครงการแนวราบ ทั้งนี้โครงการคอนโดที่เหลือของ LH มีจํานวนน้อย และไม่มีโครงการใหม่ๆ ที่จะเสร็จในปี 2566 ซึ่งหากมีแผนเปิดตัวโครงการคอนโดในปี 2566 จะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น ปี 2566 จะเป็นปีของ LH จากการฟื้นตัวของอัตรากำไรขั้นต้น และการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ของจํานวนโรงแรม

แผนธุรกิจที่น่าตื่นเต้นมากขึ้นในปี 2566 โดยจะเน้นไปที่โครงการแนวราบ

มูลค่าการเปิดตัวโครงการของ LH ในปี 2565 ถือเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 8 ปี ที่ 3.25 หมื่นล้านบาท (โดยเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด ไม่มีโครงการคอนโดเปิดตัวในปี 2565) เติบโต 65% ซึ่งมูลค่าการเปิดตัวโครงการรวมของ LH สูงกว่าแผนที่วางไว้ในช่วงต้นปีที่ 2.9 หมื่นล้านบาทอยู่ 10% หนุนมาจากลักษณะของผู้ชื้อ (ส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัย ไม่ใช่เพื่อเก็งกำไรหรือปล่อยเช่า) ในปี 2566 LH จะเปิดตัวโครงการมากขึ้น เนื่องจาก LH มีสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระต่อทุนสุทธิที่ต่ำกว่า 1 เท่า ซึ่งบ่งบอกถึงงบดุลที่แข็งแกร่ง โดยในปี 2566 มูลค่าการเปิดตัวโครงการแนวราบจะอยู่ที่ 3.2 – 3.4 หมื่นล้านบาท ทรงตัว YoY ขณะที่โครงการคอนโดจะเริ่มเปิดตัวในปี 2566 (เลื่อนมาจากปี 2565) สอดคล้องไปกับการฟื้นตัวของการเดินทางในกทม. (โควิดได้กลายมาเป้นโรคประจําถิ่นแล้ว)

โครงการคอนโดค้างสต๊อกที่เหลือน้อย และไม่มีโครงการคอนโดที่จะเสร็จในปี 2566

ในปี 2562 LH เปิดตัวโครงการ The Key พระราม 3 ซึ่งขายและโอน 100% ในปี 2565 ทั้งนี้เนื่องจาก LH ไม่มีโครงการคอนโดใหม่ๆ เลยตั้งแต่ปี 2562 มูลค่าโครงการคอนโดที่พร้อมขายในปัจจุบัน (ASF) ของ LH จึงอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบทศวรรตที่ 8.9 พันล้านบาท ลดลง 17% YoY และ 33% เทียบกับ ปี 2562 ซึ่งเราคาด LH จะเริ่มเปิดตัวโครงการคอนโดใหม่ๆ ในปี 2566 ที่เลื่อนมาจากปี 2565 (โครงการ อีส พระราม 2 และอื่นๆ)

ปี 2566 จะเป็นปีของ LH: การฟื้นตัวของอัตรากำไรขั้นต้นและการฟื้นตัวของโรงแรมที่เด่นชัดขึ้น

เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายอสังหาฯของ LH จะอยู่ที่ 32.7% ในปี 2566 (ไม่มีการลดราคาดังที่แสดงในปี 2564 และ 2565 แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปี 2548-64 ที่ 33.4%) อัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายควรอยู่ที่ 12.3% เนื่องจากรายได้เติบโตเล็กน้อย YoY ดังนั้นอัตรากําไรหลักจะเพิ่มขึ้นจาก 22.5% ในปี 2565 และ 23.9% ในปี 2566 (ยังคงต่ำกว่าอัตรากําไรหลักในปี 2562 ที่ 25.6%) อัตราการเข้าพักของกลุ่มโรงแรม ของ LH ฟื้นตัวจาก 25% ในปี 2564 มาอยู่ที่ 55% ในครึ่งแรกของปี 2565 และเราคาดว่าจะอยู่ที่ 83% ณ สิ้นปี 2565 นอกจากนี้ LH มีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มรายได้โรงแรมและรายได้ค่าเช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ สรุปแล้ว เราคาดกําไรหลักปี 2566 ที่ 9.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% (ประมาณการการเติบโตของกำไรหลักปี 2565 อยู่ที่ 18% ปัจจัยขับเคลื่อนคือการฟื้นตัวของอัตรากําไรขั้นต้น รายได้จากธุรกิจให้เช่าที่แข็งแกร่งขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่สูงขึ้น โดยเฉพาะ HMPRO

เราชอบ LH มากที่สุดในกลุ่ม

LH จะเป็นผู้นากลุ่มอสังหาฯในปีน้ีและปีหน้า เนื่องจากเป็นผู้เล่นที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม ความเสี่ยงขาลงของราคาหุ้นมีจำกัด เนื่องจากสัดส่วนการถือครองหุ้นของต่างชาติอยู่ที่ 35.8% (22 ธ.ค.) ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปี 2549-2562 อยู่ 26% (แตะจุดต่ำสุดในเดือนก.ย.2565) ซึ่งบ่งบอกถึงการมีอัพไซด์ต่อราคาหุ้นเมื่อนักลงทุนต่างชาติกลับมาอีกครั้ง และ PER ปี 2566 อยู่ที่ 12.7 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปี 2549-2564 ที่ 14.2 เท่าอยู่ 0.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน)

- Advertisement -