KS Daily View 27.12.2022 > จีนเปิดประเทศ เริ่ม 8 ม.ค. 66 มองบวกหุ้นเกี่ยวข้องกับจีน Global play/ พลังงาน/ ท่องเที่ยว SET ปรับเพิ่มขึ้นในกรอบ 1620 -1645 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ EKH

สรุปตลาดหุ้นเมื่อวาน : ตลาดหุ้นสหรัฐ, ยุโรป, ฮ่องกง ปิดทำการ ส่วน SET Index เมื่อวานปิด 1626.8 จุด(+0.57%DoD) โดยหุ้นที่ปรับลงหลักๆนำโดย หุ้นที่ปรับขึ้นลงแรง  CPH 7.02%,THCOM 5.26% เก็งยื่นซองประมูลดาวเทียมวันนี้,MTW 5.1%, SAPPE +3.03% ฯลฯ TIP -1.66%, KSL -1.06%, BDMS -1%ฯลฯ

ประเด็นที่มีผลต่อหุ้นไทยวันนี้ : 

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่าจีนประกาศเริ่มเปิดประเทศตั้งแต่ 8 ม.ค.23 เร็วกว่าที่ตลาดคาดจะเปิดช่วง 2Q23 โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.) ผู้เดินทางเข้าประเทศไม่ต้องกักตัวเริ่มตั้งแต่ 8 ม.ค.2566 จากเดิมต้องกักตัว 5+3 (แต่ผู้เดินทางเข้าประเทศจีนยังคงต้องเข้ารับการตรวจ PCR ภายใน 48 ชั่วโมง)

2.) ลดมาตรการ ‘ควบคุมโควิด’ เหลือระดับ B Level (เข้มงวดน้อยลงจากระดับสูงสุดที่ Level A) ผลคือเราประเมินจะหนุนต่อไทยทั้งการค้า การส่งออก และนักท่องเที่ยวจีนที่จะเข้าไทยเพิ่มขึ้นในปี 2023 (นักท่องเที่ยวจีนก่อนเกิดโควิดอยู่ราว 10 ล้านคนจากนักท่องเที่ยวรวม 40 ล้านคน/ปี)เราประเมินผลต่อแนวโน้มค่าเงินบาท มีแนวโน้มแข็งค่าในปี 2023 หนุนจากแนวโน้มดุลบริการที่เพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่ม มองลบต่อหุ้นกลุ่มส่งออก)  เราประเมินผลบวกต่อหุ้นที่ลิ้งกับจีน อาทิ กลุ่มน้ำมัน กลุ่มโรงกลั่น, กลุ่มโรงแรม, โรงพยาบาล, กลุ่มสายการบิน กลุ่มอาหาร ฯลฯ คาดจะปรับขึ้นในทางเดียวกัน แต่คำแนะนำหลักแนะนำเน้นไปที่กลุ่มที่ได้ประโยชน์ทางตรงคือ

  • กลุ่มโรงพยาบาล : แนะนำ EKH(ราคาพื้นฐาน 9.6 บาท) ได้ประโยชน์มากที่สุดจากนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ไทย คาดจะเห็นชาวจีนที่ศูนย์ IVF จะสูงกว่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 ในปี 2566 (บน pent-up demand) รวมถึง KLINIQ (ราคาพื้นฐาน 44.5 บาท) คาดจะได้ประโยชน์เช่นกัน นอกจากนี้ BDMS(ราคาพื้นฐาน 32.3 บาท) จะได้ประโยชน์ทางตรงจากการที่มีโรงพยาบาลในจังหวัดท่องเที่ยวหลักของไทยด้วย
  • กลุ่มโรงแรม : ได้ประโยชน์ทั้งโรงแรมในประเทศและในยุโรป แต่เรามองบวกต่อโรงแรมในประเทศมากกว่าเพราะฝั่งยุโรปเป็นช่วงหน้าหนาว แนะนำ ERW(ราคาพื้นฐาน 4.98 บาท) คาดได้ประโยชน์มากสุดเนื่องจากมีสัดส่วนรายได้จากโรงแรมในประเทศมากสุดราว 90% และระยะสั้นคาดจะได้กระแสบวกจากรัฐบาลออกมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 โดยมี Upside มากกว่า 12%
  • กลุ่มสายการบิน เรามองบวกต่อ AAV (ราคาพื้นฐาน 2.34 บาท) และ AOT (ราคาพื้นฐาน 73.50 บาท) คาดได้ประโยชน์ แนะนำเก็งกำไร แต่ราคาหุ้นขึ้นมาเกินราคาเป้าหมายไปมากแล้ว
  • กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มองบวก CPN(ราคาพื้นฐาน 74.25 บาท) ได้ประโยชน์จาก Traffic นักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้น และ ANAN(ราคาพื้นฐาน 1.48 บาท) และ SIRI(ราคาพื้นฐาน 1.69 บาท) คำแนะนำคือ let profit run และเก็งกำไรระยะสั้น ราคาหุ้นปรับขึ้นมาตอบรับข่าวไปมาก โดยมี Upside ราว 5%
  • กลุ่มพลังงาน น้ำมัน และโรงกลั่น มองบวกต่อ PTTEP(ราคาพื้นฐาน 187.0 บาท)และ BCP(ราคาพื้นฐาน 35.4 บาท)

ในเชิงกลยุทธหุ้นที่ลิ้งกับจีนรอบนี้ สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นที่ลิ้งจีนอยู่แล้วเราแนะนำให้ Let Profit Run ถือข้ามปี หรือ เก็งกำไรระยะสั้นๆ และไปแนะนำหาจังหวะขายต้นปี 8 ม.ค. ประเมินว่ามีโอกาสเกิด sell on fact 8 ม.ค. วันที่จีน Effective เริ่มเปิดประเทศเนื่องจากราคาหุ้นตอบรับข่าวเปิดประเทศของจีนมามากแล้วในช่วงปีที่ผ่านมา

ผลต่อ SET Index เราประเมินเป็นการจำกัด Downside ต่อ SET Index ช่วงที่เหลือของปีนี้ ประเมินแนวรับช่วงที่เหลือของปีนี้อยู่ที่ 1,604 จุด ส่วนแนวต้านประเมิน 1645 จุด และกรณีดีสุดคาด 1666 จุด

ทิศทางตลาดหุ้นไทยตลอดสัปดาห์ : เราเชื่อว่าจะเห็น Santa Claus Rally และ Window dressing ต่อ SET Index ในปีนี้เหมือนในอดีต โดยอิงสถิติในอดีตนับตั้งแต่ปี 1988 พบว่า ผลตอบแทนของ SET Index ในเดือน ธ.ค. ดูดีคือ ปรับเพิ่มขึ้นเป็นบวก 21 ครั้งจาก 35 ครั้ง ด้วยโอกาส 60% และบวกเฉลี่ย 7.4% และในช่วง 5 วันสุดท้ายของปี ปรับเพิ่มขึ้นเป็นบวก 26 ครั้งจาก 35 ครั้งและบวกเฉลี่ย 3.7% โดยในสัปดาห์นี้ภาพใหญ่ในประเทศไม่ได้มีอะไรสำคัญ หลักๆคือ ติดตามตัวเลขส่งออกและนำเข้าไทย เดือน พ.ย. คาด -5% YoY และ -0.8% MoM ตัวเลขดุลการค้าของไทยคาด -US$0.2bn ประชุม ครม.นี้คาดจะมีการอนุมัติมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เริ่มต้นปี 2566 และผลักดันมาตรการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลในช่วงโค้งสุดท้ายของปี

Theme หุ้นแนะนำสัปดาห์นี้ :

1) หุ้นที่มีโอกาสถูกทำ Window dressing คือ หุ้นที่กองทุนถือติด top 5 แนวโน้มผลประกอบการปีหน้าดี และมีสภาพคล่องการซื้อขายปานกลางถึงต่ำ เช่น MAKRO, AEONTS, GLOBAL, M เป็นต้น

2) หุ้นที่ลิ้งกับจีน อาทิ EKH, KLINIQ, BDMS , PTTEP, PSL, SCGP

ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดกรอบ 1620-1640 จุด หุ้นแนะนำ  EKH

Top pick :

  • EKH (ราคาพื้นฐาน 9.6 บาท) ได้ประโยชน์มากที่สุดจากการเปิดประเทศจีน ผู้บริหารคาดว่าจำนวนผู้ป่วย IVF ชาวจีนจะฟื้นตัวขึ้นในปีหน้า แม้ระดับการฟื้นตัวน้อยกว่าที่เราคาดไว้ การดำเนินงานไม่รวมโควิด-19 ดีขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งมีรายได้จากโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นจากการเป็นโรคประจำถิ่นในไตรมาส 4/2565 ขณะที่ผลการดำเนินงานของโรงพยาบาลคูนดีขึ้นและสอดคล้องกับที่ผู้บริหารคาดไว้ ว่าจะสามารถมีกำไรรายไตรมาสในปี 2566 ซึ่งเรารวมในประมาณการของเราแล้ว การขยายโมเดลของคูนจะเพิ่ม upside risk ต่อมูลค่าหุ้นของเรา

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันอังคาร ติดตามตัวเลข Industrial production ของไทยเดือน พ.ย. คาด -3.7% YoY ตัวเลข Retail sales ของญี่ปุ่นเดือน พ.ย. คาด +3.7% YoY ตัวเลข S&P Case-Shiller home price index ของสหรัฐฯ เดือน ต.ค. คาด +8% YoY (เทียบเดือนก่อนหน้าที่ +10.4% YoY)
  • วันพุธ ติดตามตัวเลข Industrial production ของญี่ปุ่น เดือน พ.ย. คาด -0.3% MoM และตัวเลข Pending home sales ของสหรัฐฯ เดือน พ.ย. คาด -1% MoM และ -32% YoY
  • วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลข Initial Jobless Claim ของสหรัฐฯ รายสัปดาห์คาด +225K (vs. +216K สัปดาห์ก่อนหน้า) และตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบของสหรัฐฯ รายสัปดาห์
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลข Private Consumption index ของไทยเดือน พ.ย. คาด -0.4% MoM และตัวเลข Chicago PMI ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด 40 จุด (+7.5% MoM)   วันเสาร์ ติดตามตัวเลข NBS Manufacturing PMI ของจีนเดือน ธ.ค. คาด 49.5 จุด (+3.1% MoM) และตัวเลข NBS Non-manufacturing PMI ของจีนเดือน ธ.ค. คาด 48.4 จุด (+3.6% MoM)
- Advertisement -