Our View? “Upside ระยะสั้นเริ่มจำกัด”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,665 /1,655 และแนวต้านที่บริเวณ 1,675 / 1,680 คาดตลาดอาจเผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้นบ้าง หลังช่วงสิ้นเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นแรง โดยได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการเปิดประเทศที่เร็วกว่าคาดของจีน รวมทั้งแรงเก็งกำไร DELTA ที่จะถูกนำเข้าคำนวณสู่ดัชนี SET50 อีกครั้ง ปรับตัวขึ้นกว่า +14.96% คิดเป็นสัดส่วนในการผลักดันการปรับตัวขึ้นของหุ้นไทยราว 1.21 จุด อย่างไรก็ตาม เราคาดการเข้าสู่ช่วงของวันแรกในการเข้าคำนวณในดัชนี SET50 มีโอกาสที่ DELTA จะเผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้นได้บ้าง คาดจะกดดันทิศทางตลาดได้บ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ดี เรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่ไทยคาดจะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนซึ่งหายไปนานกว่า 3 ปี โดยข้อมูลจาก Trip.com Group ระบุว่าไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับที่ 2 ของนักท่องเที่ยวจีน ทั้งนี้ในช่วงก่อนเกิดสถานการณ์ COVID-19 นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยราว 11 ล้านคน คิดเป็นราว 30% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด คาดส่งผลให้คาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้เกินกว่า 25 ล้านคนได้ มองเป็นปัจจัยบวกหนุนเศรษฐกิจในประเทศในส่วนของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศฟื้นตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง เป็นปัจจัยบวกหนุนหุ้นในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการที่จีนเปิดประเทศ อาทิ AOT, AAV, BA CENTEL, MINT, ERW, AWC, SPA, AU, BAFS และ TKN อย่างไรก็ตาม เราคาดการเปิดประเทศที่เร็วเกินไปของจีน คาดอาจส่งผลให้ COVID- 19 กลับมาแพร่ระบาดได้มากขึ้นอีกครั้ง แต่คาดว่าจะไม่ส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากนัก คาดชาวจีนบางกลุ่มอาจเข้ามาเพื่อใช้บริการฉีดวัคซีนและดูแลสุขภาพมากขึ้นมองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่ม ร.พ. BH, BDMS, BCH, PR9, CHG และ EKH

อย่างไรก็ตาม ระมัดระวัง Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศบ้างในช่วงของการติดตามการรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ในช่วงกลางเดือนนี้ คาดอาจได้รับแรงกดดันจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ-ยุโรปมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยคาดเป็นจิตวิทยาเชิงลบกดดันทิศทางตลาดได้บ้างเล็กน้อย

ทั้งนี้เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการรายงานจีนประกาศปรับลดสัดส่วนของดอลลาร์สหรัฐและยูโรในดัชนีตะกร้าเงินหยวน  โดยจะลดสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐในตะกร้าเงินของ CFETS สู่ระดับ 19.83% จากเดิมที่ระดับ 19.88% และลดสกุลเงินยูโร สู่ระดับ 18.21% จากเดิมที่ระดับ 18.45% คาดจะเป็นปัจจัยกดดันให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงได้ต่อ เป็นปัจจัยเสริมค่าเงินในภูมิภาครวมถึงค่าเงินบาทแข็งค่า กระตุ้นกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าได้ต่อเนื่อง ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.พ. เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นปิดที่ระดับ 80.26 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.86 ดอลลาร์ (+2.37%) จากความคาดหวังการกลับมาเปิดประเทศของจีน คาดจะหนุนอุปสงค์น้ำมันฟื้นตัวขึ้นได้ คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมีปรับตัวขึ้นประคองตลาดได้บ้างในระยะสั้น

สำหรับปัจจัยในประเทศยังคงมุมมองภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาพของการฟื้นตัวต่อเนื่อง อีกทั้งแนวโน้มการเลือกตั้งใหญ่ของไทยที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือน มี.ค. – พ.ค. 66 มองเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย กระตุ้น Fund Flow ไหลเข้าได้ต่อเนื่อง รวมทั้งเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคาร (BBL, KBANK, SCB และ KTB) จากการที่สมาคมธนาคารไทยแจ้งธนาคารพาณิชย์เตรียมทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ 0.40% ต่อปี หลัง ธปท.ประกาศสิ้นสุดมาตรการลดเงินนำส่งเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ (FIDF) กลับเข้าสู่อัตรา 0.46% ต่อปี ตั้งแต่ 1 ม.ค. 66 เป็นต้นไป จากระดับปัจจุบันที่จ่ายเข้ากองทุนที่ระดับ 0.23% ต่อปี คาดเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารได้ต่อ

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “IVL”

กลยุทธ์ย่อซื้อ แนวรับ 40.00 / 39.50 Target 42.75 / 43.50 Stop <39.00

- Advertisement -