บล.ฟิลลิป:

พริมา มารีน – PRM – การดำเนินงานยังฟื้นต่อเนื่อง

Key Point

การใช้น้ำมันในประเทศ 11M65 ฟื้นตัว ทำให้ใน 4Q65 ธุรกิจขนส่งน้ำมันในประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 42% ใน 9M65 มากสุด โตต่อเนื่อง ส่วน ปี 2566 เรือส่วนใหญ่ทำงานได้เต็มปี มีรับเรือเพิ่ม เรือเข้าอู่น้อยลง และมี สัญญาระยะยาว อีกทั้งยังหาโอกาส M&A เรือขนส่งปิโตรเคมี ซึ่งเป็น upside ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 8.95 บาท

ผลประกอบการปกติ 4Q65 โต y-y, q-q จากการใช้น้ำมันในประเทศฟื้น

กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน รายงานการใช้น้ำมันในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.7% y-y เป็น 150.5 ล้านลิตร/วัน โดยกลุ่มดีเซล +17.4% เป็น 72.6 ล้านลิตร น้ำมันเครื่องบิน +90% เป็น 8.5 ล้านลิตร และกลุ่มเบนซิน +4.6% เป็น 29.9 ล้านลิตร เป็นผลดีต่อ PRM อีกทั้ง ใน 4Q65 เป็น high season ช่วงเทศกาลและการท่องเที่ยว ใช้น้ำมันยังเพิ่มขึ้น เทียบการใช้ในปี 2562 ก่อนโควิด พบว่าการใช้น้ำมันดีเซลอยู่ที่ราว 69 ล้านลิตร น้ำมันเครื่องบินที่ 20 ล้านลิตร และเบนซินที่ 32 ล้านลิตร ทำให้ยังเห็นแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในกลุ่มน้ำมันเครื่องบินและเบนซินอยู่ โดยเฉพาะน้ำมันเครื่องบินที่ยังกลับมาเพียง 42-43% ซึ่งธุรกิจขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปในประเทศมีสัดส่วนรายได้ที่ 34% ใน 3Q65 และ 42% ใน 9M65 ในขณะที่ธุรกิจอื่นดีขึ้นตามอัตราการใช้สินทรัพย์ (U Rate) สูงขึ้น, การปรับขึ้นค่าบริการ, เรือใหม่ที่รับระหว่างปีทำงานได้เต็มไตรมาส และการเปลี่ยนสัญญาเป็น Time Charter ลดความเสี่ยงเรื่องราคาน้ำมัน เพราะผู้จ้างเป็นผู้รับผิดชอบ ทำให้การดำเนินงานปกติจะดีขึ้น y-y, q-q (ไม่รวมกำไรขายเรือและอัตราแลกเปลี่ยน) 4Q65 เงินบาทแข็งค่าขึ้นมากจากสิ้น 3Q65 ที่ 37.91 บาท เป็น 34.64 บาท (29 ธ.ค.) ทำให้จะมีการบันทึกกำไรอัตราแลกเปลี่ยนจากหนี้เงินกู้ 40 ล้านดอลลาร์ที่ราว 130 ล้านบาท จาก 9M65 ที่บันทึกขาดทุน 136 ล้านบาท

แผนเพิ่มกองเรือยังคงดำเนินงานตามแผน

ตามที่บริษัทได้แจ้ง SET เรื่องการลงทุนซื้อเรือ FSU 1 ลำ, เรือปิโตรเคมี 1 ลำ และเรือบรรทุกน้ำมัน 1 ลำ ตอนนี้ได้ซื้อเรือปิโตรเคมีแล้ว 1 ลำ มีขนาดใหญ่ขึ้นจากเดิมที่คาดว่าจะซื้อขนาด 5,000 DWT เป็น 10,000 DWT จะรับมอบเรือใน 1Q66 (18 ก.พ.-31 มี.ค. 66) ยังเหลือเรือ FSU และเรือบรรทุกน้ำมันจะจัดซื้อได้เมื่อไหร่ นอกจากนี้ มีการสั่งต่อเรือ Crew Boat อีก 2 ลำ คาดลงนามได้ใน 1Q66 ใช้เวลา 12 เดือนนับจากวันเซ็นสัญญา ซึ่งเป็นอีกธุรกิจที่มีความต้องการใช้งานสูงและอยู่ระหว่างขยายธุรกิจ และหาโอกาสในการทำ M&A กลุ่มเรือขนส่งปิโตรเคมี เพื่อขยายธุรกิจด้านนี้ให้มากขึ้น รองรับความต้องการใช้ปิโตรเคมีที่เป็นวัตถุดิบต้นน้ำในหลายอุตสาหกรรมที่แนวโน้มดีมานด์เพิ่มขึ้นในอนาคต

ยังแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐาน 8.95 บาท

เรือที่รับเข้ามาระหว่างปี 2565 จะทำงานได้เต็มปี 2566 และยังมีเรือใหม่ที่รับในปี 2566 อีกทั้ง เรือที่จะเข้าอู่ซ่อมบำรุง (Dry Dock) ปี 2566 ลดลงเป็น 15 ลำ จากปี 2565 ที่ 31 ลำ ทำให้เรือทำงานได้มากขึ้น อีกทั้งบางธุรกิจมีสัญญาทำให้มีรายได้ไม่ผันผวน และการใช้น้ำมันภายในประเทศยังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันเครื่องบิน หนุนการขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปภายในประเทศ ยังคงคาดการณ์กำไรปี 2565 ที่ 1,930 ล้านบาท +37.6% y-y ในขณะที่ปี 2566 คาดกำไรสุทธิที่ 1,502 ล้านบาท ลดลงเพราะไม่มีกำไรจากการขายเรือสูงเหมือนในปี 2565 ซึ่งหากไม่นับรวมกำไรปกติจะโต +13.3% โดยกำไรยังไม่รวมแผนการทำ M&A กลุ่มเรือขนส่งปิโตรเคมีที่จะเป็น Upside ส่วนเพิ่ม อิง P/E เฉลี่ยที่ 14.90 เท่า ราคาพื้นฐานที่ 8.95 บาท ยังคงแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง

  1. การเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานของตลาดการขนส่งที่รวดเร็วและรุนแรง
  2. เปลี่ยนแปลงสภาพเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค
  3. กฎหมายสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยทางทะเล
- Advertisement -