Daily Focus:mDomestic and Reopening Play//Short-term Sell into Strength at 1700+-
2023SET Target: 1760
ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index ยังปรับตัวขึ้นได้แข็งแรงต่อเนื่อง ปิดบวกอีก 10.31 จุด อย่างไรก็ตาม เป็นผลจาก DELTA ที่กระทบ SET Index เป็นบวกถึง 10 จุด สะท้อนว่าหุ้นอื่นๆ ในตลาดโดยรวมอยู่ในระดับทรงตัว สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้น 620 ลบ.และ 1.4 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติยัง Long Index Futures ต่อเนื่องอีก 1.3 หมื่น สัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,670-1,685 จุด ลดความร้อนแรงลงระยะสั้นหลังปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 9 วันทำการรวมให้ผลตอบแทน 4.6% ขณะที่สัญญาณทางเทคนิคในส่วน RSI เข้าสู่เขต Overbought ระยะสั้น โดยตลาดตอบรับความคาดหวังเชิงบวกจากข่าวจีนประกาศเปิดประเทศวันที่ 8 ม.ค. ไปพอสมควร หนุนให้กระแสเงินทุนไหลเข้าอย่างหนาแน่นโดยเฉพาะกลุ่ม Reopening Play ส่งผลให้ Upside ในระยะสั้นเริ่มจำกัดมากขึ้นที่บริเวณแนวต้าน 1,700+- จุด และมองเป็นจุดในการแบ่งขายทำกำไรระยะสั้นบางส่วน นอกจากนี้การปรับขึ้นของดัชนีบางส่วนเป็นผลจาก DELTA ที่พุ่งขึ้น และกระทบ SET Index เป็นบวกกว่า 20 จุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เป็นความเสี่ยงที่อาจเผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้น ด้านปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจและกำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยในปี 2023 เรายังคงมองว่าแข็งแกร่งภูมิภาคอื่นๆ หนุนจากปัจจัยบวกในประเทศเป็นหลัก เราจึงยังชอบกลุ่ม Domestic/Consumption a Reopening Play
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic/Reopening Play//ทำกำไรระยะสั้นบางส่วนช่วงตลาดปรับขึ้นบริเวณ 1,700+- จุด
หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : AAV, BCP, CENTEL, M, MAKRO
หุ้นเด่นวันนี้ : M
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 66 บาท
- โมเมนตัมกำไร 4Q22 คาดเร่งตัวขึ้น Q-Q และ Y-Y ตาม Festive Season หนุน Traffic ให้ปรับขึ้น ขณะที่ฝั่ง Margin คาดว่าดี และการขึ้นราคาในปีนี้ที่ผ่านมาชดเชยต้นทุนที่เพิ่มได้ทั้งหมด
- เราคาดกำไรปี 2022 เติบโต 11 เท่าตัว Y-Y จากฐานต่ำปีก่อน และคาดเร่งตัวแรงอีก +47% Y-Y กลับมาเข้าใกล้ช่วงก่อน COVID-19 ได้ตามการ Reopening เต็มปี นอกจากนี้การเปิดประเทศของจีนจะเป็น Catalyst บวกต่อผลการดำเนินงานของแหลมเจริญระยะถัดไป
- แนวรับ 59.50-59//58 บาท แนวต้าน 61//62.50 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคแต่ไม่ได้หนาแน่นนักที่ US$150 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้และไต้หวันประเทศละ US$55-58 ล้าน ส่วนอาเซียนไหลเข้านำโดยไทย US$42 ล้าน ขณะที่อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ไหลออกบางๆ แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลเข้าแต่เบาบาง โดยตลาดต่างยังชั่งน้ำหนักปัจจัยบวกจากการ Reopening ของจีนกับเศรษฐกิจฝั่งตะวันตกที่เสี่ยง Recession
ประเด็นสําคัญวันนี้
(+) กลุ่มธนาคาร จากสถิติ 10 ปีย้อนหลังพบว่ามักให้ผลตอบแทนเดือน ม.ค. เป็นบวกแข็งแกร่ง เฉลี่ย +2.9% ด้วยความน่าจะเป็นสูงถึง 90% ทำให้เราคาดว่ามีโอกาสที่ราคาหุ้นจะ Outperform ด้านผลการดำเนินงานเราคาดกำไร 4Q22 จะชะลอ Q-Q ตามปัจจัยฤดูกาล เนื่องจากเป็นช่วงที่บันทึกค่าใช้จ่ายสูงขึ้น แต่คาดยังเติบโตได้แข็งแกร่ง Y-Y นอกจากนี้เราคาดว่ายังมี Catalyst บวกจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น โดยเราคาดกนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2-3 ครั้งใน 1H23 ตามภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อน COVID-19 รวมถึงยังเป็นกลุ่มที่ยัง Valuation ถูก โดยปัจจุบันเทรด PBV เพียง 0.6 เท่าเทียบกับก่อน COVID-19 ที่เทรดราว 0.8- 0.9 เท่า ทําให้คาดว่ายังเป็นเป้าของกระแสเงินทุนที่ยังไหลเข้า Top Pick คือ BBL KTB TTB
(+) ADVANC คาดกำไร 4Q22 +4% Q-Q, -8% Y-Y เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี หนุนจากรายได้ที่ทยอยฟื้นตัวทั้งธุรกิจมือถือ FBB และ Enterprise ขณะที่ฝั่งต้นทุนคาดสามารถควบคุมได้ดีในส่วน SG&A แต่ค่าใช้จ่ายโครงข่ายยังขยับขึ้นจากค่าไฟ เรามีการปรับประมาณการกำไรเล็กน้อยโดยปี 2022 คาด -6% Y-Y ก่อนกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2023 +4% Y-Y จากการแข่งขันที่ทรงตัวดีขึ้นและรายได้บริการจากนักท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้น นอกจากนี้ยังมี Catalyst จากสถิติในอดีตที่ 10 มักจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกด้วยความน่าจะเป็น 90% ในช่วงปี 2010-2019 ก่อนวิกฤต COVID-19 หนุนจากการประกาศจ่ายปันผลประจําปี โดยเราคาด Dividend Yield ต่อปีราว 4-4.3% ปรับลดราคาเป้าหมายลงเล็กน้อยเป็น 240 บาท และมี Upside จากการซื้อกิจการ FBB แนะนำ “ซื้อ”
(-) ตลาดดาวโจนส์ ปิดลดลง 10.88 จุด หรือ -0.03% ปิดที่ 33,136.37 จุด จากความกังวลว่า FED จะยังใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดต่อไป ขณะที่รายงานการประชุด FED เดือนธ.ค. จะเผยแพร่ในวันพุธ
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ได้แรงหนุนจากหุ้นโนโวนอร์ดิสค์, หุ้นแอสตร้าเซนเนก้า และหุ้นโนวาร์ติส พุ่งขึ้นราว 2.8% และดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ยุโรปที่ปรับขึ้นได้ดี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีเริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัว 2 เดือนติดต่อกันในเดือน ธ.ค.
(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม โดยนักลงทุนรอติดตามรายงานการประชุม FED เดือนธ.ค. ในวันพุธตามเวลาสหรัฐ
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลดลง 3.33 ดอลลาร์ หรือ 4.1% ปิดที่ 76.93 ดอลลาร์/บาร์เรล ถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงในจีน รวมทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ในขณะที่เช้านี้ปรับรีบาวน์ที่ระดับ 77.29 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.47%
(+) ราคาทองคํา COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 19.9 ดอลลาร์ หรือ 1.09% ปิดที่ 1,846.1 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้แรงหนุนจากการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ในขณะที่เช้านี้ปรับลงที่ระดับ 1,844.8 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.07%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 917.64 / –