บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +45.2%

Close Jan 3, 2023 Price (THB) 9.30

12M Target (THB) 13.50

Previous Target (THB) 13.50

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 4Q65 ที่ 16 ลบ. (+10.0% QoQ +67.2% YoY) ทำระดับสูงสุดของปี จากการผ่านพ้นช่วง Low season, รับรู้รายได้จากการออกสินค้าใหม่ และปัจจัยกดดันด้านต้นทุนที่คลี่คลายมากขึ้น
  • แนวโน้มกําไร 1Q66 คาดเติบโตต่อทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของธุรกิจ ส่วนแนวโน้มราคาต้นทุนชะลอตัวต่อ หนุน GPM และได้อานิสงส์จากการที่จีนเปิดประเทศ

Our view

  • เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการในระยะยาวของ DPAINT ที่คาดจะทำระดับสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่องในปี 2566-2568 จากการพยายช่องทางจัดจำหน่าย เพิ่มส่วนแบ่งการตลาด การรับรู้กำาลังการผลิตใหม่ และ Product mix ที่ดีขึ้น
  • ราคาหุ้นปัจจุบันอ่อนตัว ทำให้ถูกซื้อขายที่ PER68 เพียง 25 เท่า ต่ำกว่าคู่แข่งที่ 33 เท่า มองเป็นโอกาสเข้าลงทุน คงคำแนะนํา ซื้อ ราคาเป้าหมาย 13.50 บาท

DELTA PAINT ราคาอ่อนตัวมากเกินไป สวนทางกับแนวโน้มกําไร

คาดกำไร 4Q66 กำไรทำระดับสูงสุดของปี

เราคาดกำไรปกติ 4Q65 ของ DPAINT ที่ 17 ลบ. (+10.0% QoQ, +67.2% YoY) ทำระดับสูงสุดของปี เติบโต QoQ จากปัจจัยฤดูกาลที่ผ่านพ้นช่วง Low Season และคนกลับมาซ่อมแซมบ้านมากขึ้นหลังผ่านฤดูฝน, การรับรู้รายได้จากการออกสินค้าใหม่ 3 ตัว อาทิ สีทาบ้าน Delta Shield 4D ซึ่งคาดจะเป็นสินค้าความหวังใหม่ และแนวโน้มราคาต้นทุนหลักอย่างไทเทเนียมไดออกไซด์ (TiO2) ที่ปรับลดลง ราว 15%QoQ และต้นทุนหลักอื่นๆ ที่ชะลอตัวต่อเนื่องตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก ประกอบกับค่าเงินบาทเทียบ USD ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ราว 35 บาท/USD ช่วยลดต้นทุนการนำเข้า (วัตถุดิบราว 90% เป็นการนำเข้า) ทำให้เราคาด GPM ของบริษัทจะฟื้นตัวขึ้นต่อเป็น 41.5% จาก 40.4% ใน 3Q65 ส่วนกำไรเทียบ YoY คาดเติบโตเด่น จากการขยายช่องทางจัดจำหน่าย, อัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น และการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งหากเป็นไปตามที่เราคาดจะทำให้ประมาณการกำไรทั้งปี 2565 ของเรามี Upside อยู่ราว 5%

แนวโน้มกำไร 1Q66 เติบโตทั้ง QoQ และ YoY

เราคาดแนวโน้มกำไรปกติใน 1Q66 จะเติบโต QoQ และเติบโตเด่น YoY ได้ต่อเนื่องจากเป็นช่วง High Season รองธุรกิจ, จะรับรู้รายได้จากกลุ่มสินค้าใหม่ที่มีการออกไปใน 4Q65 ได้เต็มไตรมาส ขณะที่ปัจจัยกดดันต่างๆ ด้านต้นทุนคลี่คลายลง หนุน GPM ให้คาดจะฟื้นตัวได้ต่อ และกลับเข้าใกล้ระดับปกติในอดีตที่ราว 42% นอกจากนี้การที่ประเทศจีนผ่อนคลายมาตรการ Lockdown จะหนุน Demand การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและสังหาฯ ทั้งในประเทศไทย และกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งเราคาดจะส่งผลบวกต่อเนื่องถึงความต้องการวัสดุซ่อมแซมบ้าน รวมถึงสีทาอาคารที่เป็นกลุ่มสินค้าหลักของบริษัท

ปี 2566 กลับมาเติบโตในระดับที่ควรจะเป็น

เราประเมินว่าปัจจัยกดดันด้านต้นทุนจะคลี่คลายได้ชัดเจน และรับรู้ผลได้เต็มปีในปี 2568 คาดหนุนให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทให้ฟื้นกลับมาที่ระดับปกติ และใกล้เคียงระดับของอุตสาหกรรมมากขึ้น ประกอบกับการรับกำลังการผลิตจากโรงงานใหม่ (เพิ่มกำลังการผลิตราว 50%) และรับรู้การปรับขึ้นราคาที่มีการปรับไป 6-12% ใน 2Q65 ได้เต็มปี รวมถึงแผนการขยายเครื่องผสมสีอีก 200 เครื่อง จากปัจจุบันที่ราว 600 เครื่อง ช่วยขยายช่องทางจัดจำหน่ายและเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด นอกจากนี้ ประมาณการการเติบโตของรายได้ของเราอยู่ที่ +18% YoY ยังถือว่า Conservative เทียบกับเป้าหมายของบริษัทที่ +20% YoY เราคงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ของ DPAINT ที่ 87 ลบ. (468.4%YoY) เป็นระดับสูงสุดใหม่ และคาดกำไรจะเติบโตทำ New High ต่อเนื่องถึงปี 2568 เป็นอย่างน้อย

ราคาหุ้นย่อตัวลงมามองเป็นโอกาสเข้าลงทุน คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ราคาหุ้นปัจจุบันย่อตัวลงมาก ทำให้ถูกซื้อขายที่ PER66 เพียง 25 เท่า เทียบกับ TOA ที่ 33 เท่า (อิง IAA Consensus) แต่เรามองว่า DPAINT ควรถูกให้ Premium มากกว่าคู่แข่ง จากแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่สูงกว่า จึงมองเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน คงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 ที่ 13.50 บาท ประมาณการของเรายังมี Upside จากโอกาสในการเติบโตผ่านการทำ M&A จากฐานะการเงินของบริษัทที่แข็งแกร่ง ซึ่งคาดจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในปี 2566

- Advertisement -