Daily Focus: Consumption and Anti-Commodity Play

2023SET Target: 1760

ดลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ลดความร้อนแรงลงในระยะสั้นตามคาด ปิดลบ 5.72 จุด หลังจากปรับขึ้นติดต่อกัน 9 วันทำการ โดยมีแรงขายในหุ้น DELTA รวมถึงพลังงานต้นน้ำอย่างหนาแน่นตามราคาน้ำมัน ก๊าซ และถ่านหิน ที่ปรับลง สถาบันในประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้น 1.1 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องอีกบางๆ 121 ลบ. (และเริ่มพลิกมา Short Index Futures 5.4 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Up กรอบ 1,665- 1,680 จุด กลุ่มพลังงานต้น-กลางน้ำ คาดว่ายังกดดันตลาดตามราคาน้ำมันดิบ Brent ที่ยังร่วงแรงต่อเนื่องอีก 5% สู่ระดับ US$77.84 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่คาดว่ากลุ่ม Anti-Commodity Play เช่น โรงไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง รวมถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค คาดว่าจะยัง Outperform ได้ต่อเนื่อง จากต้นทุนพลังงานที่ลดลง รวมถึงกำลังซื้อที่จะดีขึ้นทางอ้อมเป็นบวกต่อเศรษฐกิจภายใน โดยเฉพาะด้านการบริโภคที่จะเป็นเครื่องยนต์หลักในการหนุนการเติบโตปีนี้ ขณะที่รายงานการประชุม FOMC เมื่อคืนโดยรวมไม่ได้มี Surprise ตลาด กรรมการส่วนใหญ่มองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะชะลอลงสอดคล้องกับ Dot Plot ที่คาดปรับขึ้นแตะ 5.25% และทรงตัวยาวตลอดทั้งปีนี้ จนกระทั้งมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะชะลอลงสู่กรอบเป้าหมาย 2% ในระยะยาว ส่วนในประเทศวันนี้ติดตามเงินเฟ้อไทยเดือน ธ.ค. และการประชุม 4 หน่วยงานหามาตรการรับนักท่องเที่ยวจีนที่จะเริ่มเปิดประเทศวันที่ 8 ม.ค. ซึ่งจะเป็นบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวในระยะยาว โดยรวมเรายังชอบกลุ่ม Domestic/Consumption และ Reopening Play

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Consumption/Reopening/Anti-Commodity Play

หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : AAV, BCP, CENTEL, M, MAKRO

หุ้นเด่นวันนี้ : SHR

  • แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5 บาท
  • SHR เริ่มมีผลการดำเนินงาน Turnaround แล้วตั้งแต่ 3Q22 และคาดว่าจะมี Momentum การฟื้นตัวที่แข็งแรงต่อเนื่องใน 4Q22-2023 โดยเฉพาะโรงแรมในไทยซึ่งมีสัดส่วนราว 20- 30% ของรายได้รวม
  • เราคาดผลการดำเนินงานของ SHR จะพลิกมีกำไร 438 ลบ.ในปี 2023 จากขาดทุน 162 ลบ.ในปี 2022 อีกความน่าสนใจคือ Valuation ที่ยังไม่สูง ปัจจุบันเทรด 2023PBV ที่ 0.9 เท่า เทียบกับกลุ่มโรงแรมอื่นที่เทรดเฉลี่ยราว 3 เท่า
  • แนวรับ 4.10-4 บาท แนวต้าน 4.24-4.28//4.50 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนในภูมิภาคทรงตัว ฝั่งเอเชียตะวันออกไหลเข้าเกาหลีใต้ แต่ไหลออกจากไต้หวันใกล้เคียงกันประเทศละราว US$190 ล้าน ส่วนอาเซียนเม็ดเงินผสมผสาน ไหลเข้าเวียดนาม ไทย และฟิลิปปินส์บางๆ แต่ไหลออกจากอินโดนีเซีย แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าค่อนมาในทิศทางไหลเข้าแต่ไม่หนาแน่นนัก โดยรายงานการประชุม FOMC โดยรวมไม่ได้มีข้อมูล Surprise ตลาด

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) จับตาเงินเฟ้อไทยเดือน ธ.ค. วันนี้ ตลาดคาด Headline CPI -0.12% M-M, +5.9% Y-Y ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า ส่วน Core CPI ตลาดคาด +3.28% Y-Y ยังขยับขึ้นเล็กน้อยจากเดือน พ.ย. ที่ +3.22% Y-Y อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยผ่านจุดสูงสุดไปแล้วใน 3Q22 แต่ยังสูงกว่ากรอบเป้าหมายระยะปานกลางของธปท.ที่ 1-3% ในระยะนี้คาดว่ายังทำให้กนง.มีแนวโน้มทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นลำดับใน 1H23 ขึ้นสู่ระดับ 1.75-2% โดยประเมินเศรษฐกิจไทยคาดแข็งแรงเพียงพอ และกลับมาสูงกว่าช่วงก่อน COVID-19 เราคาดว่า เงินเฟ้อไทยจะทยอยชะลอการปรับขึ้นและกลับสู่กรอบเป้าหมายใน 2H23 ภาพรวมเราจึงยังมองเป็นปัจจัยบวกสำหรับกลุ่มธนาคาร และยังเป็น Sector เป้าหมายของกระแสเงินทุนจาก Valuation ที่ยังถูกเทียบกับช่วงก่อน COVID-19 เรายังชอบ BBL KTB TTB

(+) AOT คาดกำไร 1QFY23 (ต.ค.-ธ.ค. 22) จะพลิกมีกำไร 159 ลบ.หลังจากขาดทุนมาโดยตลอดตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้รงหนุนจากจำนวนผู้โดยสารในประเทศและต่างประเทศที่ฟื้นตัวเป็น 82% และ 51% เทียบกับก่อน COVID-19 ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจาก 74% และ 36% ใน 4QFY22 ซึ่งหนุนรายได้สัมปทานให้ฟื้นตัวด้วยเช่นกัน ส่วนการเปิดประเทศของจีนจะเป็น Upside โดยหากอิงปี 2019 นักท่องเที่ยวจีนคิดเป็นสัดส่วนถึง 30% ของรายได้ผู้โดยสารของ AOT คาดว่าจะหนุนให้กำไรสุทธิปี FY23-24 เร่งตัวอย่างมีนัยยะเป็น 1.3 หมื่นลบ.และ 3.3 หมื่นลบ. ตามลำดับ สูงกว่าช่วงก่อน COVID-19 ที่ 2.4 หมื่นลบ. จากจำนวนผู้โดยสารที่จะกลับไปเท่าก่อน COVID-19 ในปี 2024 และ Minimum Guarantee จาก King Power ที่เพิ่มขึ้นในเดือน เม.ย. 23 เป็น 233 บาทต่อผู้โดยสาร จากเดิมที่ 90 บาท/ผู้โดยสาร นอกจากนี้ยังมี Upside จากสนามบินใหม่ 3 แห่งทั้งอุดรธานี บุรีรัมย์ และกระบี่ ที่มีโอกาสถูกโอนมาให้ AOT ใน 1H23 ขึ้นอยู่กับการอนุมัติของครม. คงราคาเป้าหมาย 85 บาท แนะนำ “ซื้อ”

 

(+) ตลาดดาวโจนส์ ปิดเพิ่มขึ้น 133.40 จุด หรือ +0.40% ปิดที่ 33,269.77 จุด หลังการเปิดเผยรายงานการประชุม FED ที่ระบุว่ากรรมการ FED เห็นตรงกันว่า ควรจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย โดยจะยังขึ้นดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจ

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก จากตัวเลขเงินเฟ้อฝรั่งเศษที่ลดลง และข้อมูลทางเศรษฐกิจของยูโรโซนที่ปรับดีขึ้น

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.06 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดลดลง 4.09 ดอลลาร์ หรือ 5.3% ปิดที่ 72.84 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และการเพิ่มขึ้นของยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีน ในขณะที่เช้านี้ปรับรีบาวน์ที่ระดับ 73.46 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.85%

(+) ราคาทองคำ COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 12.9 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 1,859 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 1,860.9 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.10%

SPDR Gold Trust ถือครองทองค่า 916.77 / -0.87

- Advertisement -