บล.บัวหลวง:

Refining & Chemical – ค่าการกลั่นและส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น (NEUTRAL)

ค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา หนุนโดยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทส่วนใหญ่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากคาดการณ์อุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนี้เรายังคงชอบ TOP และ IVL มากที่สุด

การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ และโควต้าการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศจีน ซึ่งจะเพิ่มอุปทานในตลาดเป็นปัจจัยที่น่าจับตามอง เนื่องจากอาจกดดันค่าการกลั่นให้ปรับตัวลดลง ในทางกลับกันการผ่อนคลายมาตรการ Zero-COVID ของจีนในปัจจุบันจะเป็นปัจจัยหนุนอุปสงค์น้ำมันสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี รวมทั้งค่าการกลั่นและส่วนต่างราคาปิโตรเคมี

เรายังคงชอบ TOP มากที่สุดในหุ้นกลุ่มโรงกลั่น เนื่องจากการเป็นผู้ผลิตที่มีประสิทธิภาพด้านต้นทุนการผลิต ซึ่งจะส่งผลให้กำไรมีความไวต่อการปรับตัวสูงขึ้นของค่าการกลั่น และเรายังคงชอบ IVL มากที่สุดในกลุ่มปิโตรเคมี เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตแข็งแกร่งของกำไรหลักปี 2566 รวมทั้งมีอัพไซต์ต่อแนวโน้มการเติบโตระยะยาวจากการลงทุนและ/หรือการเข้าซื้อกิจการใหม่

ค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่มขึ้น WoW

ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.76 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 10.46 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หนุนโดยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อุปสงค์ในเอเชียแปซิฟิกที่แข็งแกร่งขึ้นและอุปสงค์ที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากการหยุดโรงกลั่นชั่วคราวในสหรัฐฯ ส่งผลให้ส่วนต่างราคาก๊าซโซลีนปรับตัวขึ้น 3.15 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 14.94 เหรียญ สหรัฐ/บาร์เรล (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ SPRC มากที่สุด) นอกจากนี้อุปสงค์ในภูมิภาคที่ปรับตัวดีขึ้น และอุปทานที่ลดลงส่งผลให้ส่วนต่างราคาน้ำมันเครื่องบินและส่วนต่างราคาดีเซลปรับตัวขึ้น 3.81 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 37.58 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 1.71 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 35.78 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับ (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ TOP มากที่สุด)

ในทางตรงกันข้าม ต้นทุนน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ส่วนต่างราคาน้ำมันเตาที่มีส่วนผสมของกำมะถันในระดับสูงปรับตัวลง 0.66 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ -16.83 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (แย่กว่าระดับ ปกติในช่วงก่อน IMO2020 ที่ติดลบ -4-5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ค่อนข้างมาก)

ส่วนต่างราคาเอธิลีนและส่วนต่างราคาโพรพิลีนปรับตัวลดลง WoW

ต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาเอธิลีนและราคาโพรพิลีนทรงตัว WoW อยู่ที่ 845 เหรียญสหรัฐ/ตัน และ 870 เหรียญสหรัฐ/ตัน ตามลำดับ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาปรับตัวขึ้น 16 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 628 เหรียญสหรัฐ/ตัน

ส่วนต่างราคา HDPE และส่วนต่างราคา PP ปรับตัวเพิ่มขึ้น WoW

คาดการณ์อุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากการคลายล็อกดาวน์ในจีน และอุปทานที่ลดลงเนื่อง จากการลดกำลังการผลิตส่งผลให้ราคา HDPE และราคา PP ปรับตัวขึ้น 20 เหรียญสหรัฐ มาอยู่ที่ 1,020 และ 20 เหรียญ สหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 990 เหรียญสหรัฐ/ตัน ตามลำดับ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทา ปรับตัวเพิ่มขึ้นช้ากว่าราคาผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้ส่วนต่างราคา HDPE เทียบกับแนฟทาปรับตัวขึ้น 4 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 392 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ PTTGC มากที่สุด) และส่วนต่างราคา PP ปรับตัวขึ้น 4 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 362 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ IRPC มากที่สุด)

ส่วนต่างราคา MEG และส่วนต่างราคา PVC ปรับตัวเพิ่มขึ้น WoW

ต้นทุนเอธิลีนที่แข็งแกร่งและแรงซื้อในเอเชียที่แข็งแกร่งขึ้น ส่งผลให้ราคา MEG ปรับตัวขึ้น 10 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 495 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนเอธิลีนทรงตัว ส่งผลให้ส่วนต่างราคา MEG ปรับตัวขึ้น 10 เหรียญสหรัฐ WoW ไปอยู่ในแดนลบที่ -37 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ PTTGC มากที่สุด) ในขณะที่อุปสงค์ในภูมิภาคที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ราคา PVC ปรับตัวขึ้น 10 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 860 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเอธิลีนทรงตัว ส่งผลให้ส่วนต่างราคา PVC ปรับตัวขึ้น 10 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 438 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ PTTGC มากที่สุด)

คาดค่าการกลั่นทรงตัวแข็งแกร่ง YoY และเพิ่มขึ้น QoQ ในไตรมาส 1/66

อุปสงค์น้ำมันดีเซล, น้ำมันเครื่องบิน, และน้ำมันเตาที่มีส่วนผสมกำมะถันในระดับสูง คาดว่าจะแข็งแกร่งในไตรมาส 1/66 หนุนโดยอุปสงค์ตามฤดูกาลที่สูง และอุปสงค์การเปลี่ยนการใช้ก๊าซเป็นน้ำมัน จากมุมมองด้านอุปทาน การปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในฤดูใบไม้ผลิ, อุปทานที่ลดลงจากรัสเซีย, สต็อกน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ, และกําลังการกลั่นใหม่ที่มีจำกัดจะเป็นปัจจัยที่จำกัดอุปทาน ต้นทุนน้ำมันดิบ (พรีเมี่ยมของน้ำมันดิบ) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น YoY แต่ทรงตัว QoQ ในไตรมาส 1/66 ดังนั้นจากแนวโน้มดังกล่าว เราจึงคาดว่าค่าการกลั่นจะทรงตัวแข็งแกร่ง YoY และเพิ่มขึ้น QoQ ในไตรมาส 1/66

หากการเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของโรงกลั่นใหม่ไม่เป็นไปตามแผนห รือมีการหยุดโรงกลั่นโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า (สาเหตุจากไฟไหม้, สงคราม, ภัยธรรมชาติ เป็นต้น) จะส่งผลให้อุปทานดึงตัว อาจเป็นอัพไซต์ต่อค่าการกลั่น  นอกจากนี้การผ่อนคลายนโยบาย zero-COVID ของจีนจะหนุนอุปสงค์น้ำมันสำเร็จรูป และน่าจะส่งผลดีต่อค่าการกลั่น ในทางกลับกันการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์และโควต้าการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศจีน ซึ่งจะเพิ่มอุปทานในตลาด เป็นปัจจัยที่น่าจับตามอง เนื่องจากอาจกดดันค่าการกลั่นให้ปรับตัวลดลง

ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวลง YoY และทรงตัว QoQ ในไตรมาส 1/66

การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก, การล็อกดาวน์ในประเทศจีนมีแนวโน้มที่จะกดดันอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในไตรมาส 1/66 ให้ชะลอตัวลง นอกจากนี้ การเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของกำลังการผลิตใหม่ และต้นทุนวัตถุดิบที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องจะกดดันส่วนต่างราคาปิโตรเคมีบางประเภทในไตรมาส 1/66 จากแนวโน้มดังกล่าว เราจึงคาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่จะอ่อนตัวลง YoY และยังคงทรงตัว QoQ ในไตรมาสดังกล่าว อย่างไรก็ตาม อุปทานที่มีจำกัด ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการควบคุมมลพิษของจีน ความล่าช้าในการเริ่มดำเนินงานของกำลังการผลิตใหม่ และ/หรือ อุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากการผ่อนคลายนโยบาย zero-COVID ของจีน อาจเป็นอัพไซด์ต่อราคาและส่วนต่างราคาปิโตรเคมี

- Advertisement -