บล.ฟิลลิป:

ธนาคารกรุงไทย – KTB ได้ประโยชน์จากโครงการรัฐ

Key Point

ย้งมองว่า KTB จะเป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์จากโครงการต่างๆ ของรัฐ ถึงแม้ว่าในปี 65 อาจจะมีสินเชื่อหดตัวลง แต่น่าจะกลับมาเติบโตได้ในปี 66 นอกจากนี้ยังมีแอปเป๋าตังที่ช่วยเสริมการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมด้วย คาด KTB จะเป็นธนาคารที่มีผลประกอบการ 4Q65 เติบโตเด่นที่สุดเมื่อเทียบ y-y ยังคงราคาพื้นฐาน 18.40 บาท อาจเหลือ Upside ไม่มาก แต่ยังมีปันผลน่าสนใจ จึงยังคงแนะนำ “ทยอยซื้อ”

ยังคาดจะได้ประโยชน์จากโครงการรัฐ

KTB เป็นธนาคารที่รัฐบาลมักจะใช้เป็นตัวกลางส่งผ่านนโยบายทางการเงินไปสู่ระบบเศรษฐกิจ จึงมักจะได้ประโยชน์จากโครงการต่างๆ ของรัฐ อย่างไรก็ตาม ในปี 65 ด้วยโครงการรัฐที่น้อยลงส่วนหนึ่ง เพราะ COVID-19 ทำให้สินเชื่อของ KTB หดตัวลง เนื่องจากมีการชำระคืน โดยในเดือน พ.ย. สินเชื่อของ KTB หดตัวลง 2% ytd อย่างไรก็ตามในปี 66 ด้วยการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น และสภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวน่าจะทำให้สินเชื่อของ KTB กลับมาเติบโตได้

แอปเป๋าตังยังเป็นส่วนช่วยเสริมรายได้

แอปเป๋าตังนอกจากเป็นแอปที่ใช้ในโครงการต่างๆ ของรัฐแล้ว ทาง KTB ยังได้พัฒนาแอปให้มีฟังก์ชั่นต่างๆ และได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับหน่วยงานต่างๆ รวมไปถึงบริษัทเอกชนเพิ่มขึ้น ซึ่งมองว่าเป็นช่องทางในการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมได้ นอกจากนี้ยังจะได้ข้อมูลของผู้ที่มาใช้บริการแอป ซึ่งรวมถึงคนที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของธนาคารด้วย ซึ่งนอกจากจะทำให้ได้ลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นแล้ว ยังจะทำให้ได้ข้อมูลของลูกค้าเพื่อนำเสนอรบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าด้วย

คาดกําไร 4Q65 โตเด่นสุด y-y

คาด KTB จะมีกำไร 4065 8.1 พันลบ. เพิ่มขึ้นถึง 64% y-y จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น จากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ถึงแม้ว่าสินเชื่อจะมีการหดตัวลง และคาดว่ารายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นไปด้วย นอกจากนี้การตั้งสำรองก็คาดว่าจะลดลงมาก เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นมาก แต่เมื่อเทียบกับ 3Q65 คาดว่ากำไรจะลดลง 4% q-q เนื่องจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น และคาดว่าการตั้งสำรองจะเพิ่มสูงขึ้นด้วย

คาดกำไรปี 65 เพิ่ม 56.1% y-y แต่ลดลง 8.4% y-y ในปี 66

ทางฝ่ายคาดว่าปี 65 KTB จะมีกำไร 33.9 พันลบ. เพิ่มขึ้น 56.1% y-y จากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ และการตั้งสำรองที่คาดว่าจะลดลงมาก และคาดว่าจะมีการจ่ายปันผล 0.85 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield 4.8% ส่วนปี 56 คาดว่าจะมีกำไร 30.8 พันลบ. ลดลง 8.4% y-y โดยต้นทุนเงินฝากที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น และการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นเป็นสาเหตุที่ทำให้กำไรลดลง โดยคาดว่าจะมีการจ่ายปันผล 0.77 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. yield 4.4%

ความเสี่ยง

  1. ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย
  2. ความเสี่ยงด้านเครดิต
  3. การเปลี่ยนแปลงของกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน
- Advertisement -