Our View? “พักบ้างอะไรบ้าง”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,655 / 1,650 และแนวต้านที่บริเวณ 1,670 / 1,675 คาดตลาดวันนี้จะเผชิญ Sentiment เชิงลบอ่อนๆ จากตลาดต่างประเทศ จากความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจเร่งขึ้นดอกเบี้ยได้ต่อ หลังจากเมื่อคืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 1.9 หมื่นราย สู่ระดับ 2.4 แสนราย ต่ำสุดตั้งแต่เดือน ก.ย. 65 และต่ำกว่าที่ตลาดคาด สอดคล้อง กับ ADP เปิดเผยการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.35 แสนตำแหน่ง สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 1.53 แสนตำแหน่ง และจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 1.27 แสนตำแหน่ง บ่งชี้ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง สะท้อนความสามารถในการรับมือการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ได้ต่อไป รวมทั้งรองผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ให้สัมภาษณ์ว่า ปัญหาเงินเฟ้อของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูงและยังไม่ถึงจุดจบ และแสดงความคิดเห็นให้ FED เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อ โดยล่าสุด CME FED Watch Tools บ่งชี้ตลาดคาดว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ที่ระดับ 0.25% จนอัตราดอกเบี้ยขึ้นไปสู่ระดับ 5.25% แล้วจะเริ่มหยุดการขึ้นดอกเบี้ยลงในช่วง 2H′66 ใกล้เคียงกับที่เราคาดไว้ก่อนหน้า แต่คาดจะกดดันราคาสินทรัพย์เสี่ยงผันผวนได้บ้างในระยะสั้น
อย่างไรก็ดีเรา ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อการที่เศรษฐกิจไทยคาดจะได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนซึ่งหายไปนานกว่า 3 ปี โดยในช่วงก่อนเกิดสถานการณ์ COVID-19 นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยราว 11 ล้านคน คิดเป็นราว 30% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด คาดส่งผลให้คาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้เกินกว่า 25 ล้านคนได้ในปี’66 มองเป็นปัจจัยบวกหนุนเศรษฐกิจในประเทศในส่วนของภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศฟื้นตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง เป็นปัจจัยบวกหนุนหุ้นในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการที่จีนเปิดประเทศ อาทิ AOT, AAV, BA, CENTEL, MINT, ERW, AWC, SPA, AU, BAFS และ TKN รวมทั้งเรายังชอบหุ้นในกลุ่ม Health Care อาทิ BH, BDMS, BCH, PR9, WPH, CHG, EKH, MEGA และ HL จากคาดการเปิดประเทศที่เร็วเกินไปของจีน คาดอาจส่งผลให้ COVID-19 กลับมาแพร่ระบาดได้มากขึ้นอีกครั้ง แต่คาดว่าจะไม่ส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากนัก มองชาวจีนบางกลุ่มอาจเข้ามาเพื่อใช้บริการฉีดวัคซีนและดูแลสุขภาพมากขึ้น
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.พ. เมื่อคืนนี้เริ่มชะลอการอ่อนตัวลงบ้างเล็กน้อย ปิดที่ระดับ 73.67 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.83 ดอลลาร์ (+1.14%) รีบาวด์ขึ้นบ้างหลังปรับตัวลงแรงก่อนหน้า อาจทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานรีบาวด์ตามขึ้นได้ในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เรามองจากความกังวลการเร่งตัวขึ้นของผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในจีน และคาดการเปิดประเทศของจีนอาจทำให้การแพร่ระบาดกลับมาเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง รวมทั้งความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐ-ยุโรป เป็นปัจจัยหลักลดทอนอุปสงค์พลังงานโลก คาดจะเป็นปัจจัยกดดันทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงานได้อยู่ แต่เป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่ม Anti-Commodity อยากหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, GULF และ GPSC)
สำหรับปัจจัยในประเทศ เรามีมุมมองเป็นกลางต่อการที่เมื่อวานนี้กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อไทยเดือน ธ.ค. ออกมาที่ระดับ 5.89% YoY ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดที่ระดับ 5.90% YoY เร่งตัวขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 5.60% YoY อย่างไรก็ตาม การเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง เรามองเป็นเพียงปัจจัยฐานที่ต่ำใน ธ.ค. 64 ขณะที่หากเทียบกับเดือนก่อนหน้าจะอยู่ที่ระดับ -0.06% MoM ยังอยู่ในภาพการชะลอตัวลงแบบค่อยเป็นค่อยไปเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน มองยังเป็นปัจจัยสะท้อนความสามารถในการรับมือกับเงินเฟ้อได้ดีของเศรษฐกิจไทย คาดจะหนุนทิศทางกระแสเงินทุนไหลเข้าได้ต่อ จากมุมมองภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาพของการฟื้นตัวต่อเนื่อง อีกทั้งแนวโน้มการเลือกตั้งใหญ่ของไทยที่จะเกิดขึ้น ในช่วงเดือน มี.ค.- พ.ค.66 มองเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย อย่างไรก็ตาม แนะนำติดตามการเคลื่อนไหวของหุ้น DELTA ซึ่งในขณะที่เข้าคำนวณในดัชนี SET1OO และมี Market Cap. สูงที่สุดในตลาด คาดจะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนได้
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนําวันนี้ “WPH”
กลยุทธ์ แนวรับ 4.12 / 4.04 Target 4.36/4.96 Stop <4.00