Daily Focus: Consumption and Reopening Play

2023SET Target: 1760

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่องและแข็แรงกว่าที่ประเมิน ปิดบวกอีก 10 จุด และเป็นผลจากหุ้น Big Cap กระจายตัวในกลุ่ม Domestic/Reopening Play ขณะที่ DELTA ทรงตัว สถาบันในประเทศยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 1.5 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเร่งขึ้นและสูงถึง 4.5 พันลบ. (และ Long Index Futures อีก 1.4 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัวขึ้นได้ต่อเนื่องในกรอบ 1,670-1,685 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ยังเป็นบวก หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแรงคืนวันศุกร์จากตัวเลขค้าจ้างแรงงานที่เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด รวมถึง PMI ภาคบริการที่ชะลอลง ทำให้ตลาดคาดหวังว่าเงินเฟ้อจะทยอยปรับลงระยะถัดไป และทำให้ FED ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยโดยล่าสุดตลาดคาด FED มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปที่ 0.25% ด้วยความน่าจะเป็นราว 75% ส่งผลให้ Bond Yield และ Dollar Index อ่อนตัวลง ส่วนสัปดาห์นี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ คือ เงินเฟ้อ CPI เดือน ธ.ค. ที่จะประกาศคืนวันพฤหัสฯ หากออกมาลดลง และต่ำกว่าคาดจะยิ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนและหนุนให้สินทรัพย์เสี่ยงปรับขึ้นได้ต่อเนื่อง ส่วนจีนที่เริ่มเปิดประเทศแล้ว ตั้งแต่ 8 ม.ค. คาดเป็นแรงหนุนสำหรับภาคการท่องเที่ยวของไทยในระยะยาว โดยรวมเรายังคงมองกระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าต่อเนื่องสอดคล้องกับบาทที่แข็งค่า เรายังชอบกลุ่ม Domestic/Consumption และ Reopening Play

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic/Reopening Play

หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : AAV, BCP, CENTEL, M, MAKRO

หุ้นเด่นวันนี้ : KTB

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 20.13 บาท
  • ตลาดประเมินกำไร 4Q22 ของ KTB ชะลอตัวเล็กน้อย Q-Q จากค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล แต่คาดโตสูง Y-Y จากการตั้งสำรองที่ลดลง ขณะที่ NIM คาดปรับตัวเพิ่มขึ้นเพราะปล่อยสินเชื่อภาครัฐลดลงและได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น
  • Consensus คาดกำไรปี 2022 เติบโตราว +50% Y-Y และต่อเนื่องปี 2023 อีกราว +7% Y- Y ราคาหุ้นปัจจุบันยังเทรด 2023PBV เพียง 0.6 เท่า ต่ำกว่าในอดีตก่อน COVID-19 ที่ราว 0.8 เท่า
  • แนวรับ 18//17.60 บาท แนวต้าน 19//20 บาท

Fund Flow : เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่นขึ้นเป็น US$861 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$423 ล้านและ US$319 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลเข้านำโดยไทย US$133 ล้าน แต่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$32 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังอยู่ในทิศทางไหลเข้าหลังค่าจ้างแรงงานสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ขณะที่ ISM ภาคบริการชะลอตัวลง ทำให้ตลาดเพิ่มโอกาสที่ FED จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป

ประเด็นสําคัญวันนี้

(+) การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. ดีกว่าคาด เพิ่มขึ้น 2.23 แสนตำแหน่ง ชะลอจากเดือนก่อนหน้าที่ 2.56 แสนตำแหน่ง แต่ดีกว่าตลาดคาดที่ 2 ตำแหน่ง อัตราว่างงานต่ำกว่าคาด โดยลดลงเหลือเหลือ 3.5% จากเดือนก่อนที่ 3.6% ส่วนค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น +0.3% M-M, +4.6% Y-Y น้อยกว่าที่ตลาดคาด รวมถึง ISM ภาคบริการที่ลดลงเหลือ 49.6 จากเดือนก่อนที่ 56.5 ทำให้ตลาดคาดว่ามีแนวโน้มที่เงินเฟ้อจะชะลอตัวลงในระยะถัดไป และคาดหวัง FED จะชะลอขึ้นดอกเบี้ยต้นเดือนหน้า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตอบรับเชิงบวกโดยปรับตัวขึ้นแรงกว่า 2% ส่วนสัปดาห์นี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญคือเงินเฟ้อ CPI เดือน ธ.ค. ที่จะประกาศวันที่ 12 ม.ค. ตลาดคาด Headline CPI Flat M-M, +6.5% Y-Y ส่วน Core CPI คาด +0.2% M-M, +5.7% Y-Y ค่อยๆ ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า

(+) จีนเริ่มเปิดประเทศแล้ววานนี้ 8 ม.ค. 23 โดยไม่ต้องกักตัว และใช้เพียงผลตรวจก่อนเดินทางภายใน 48 ชั่วโมง ส่วนไทยมีมาตรการรองรับคือนักท่องเที่ยวต้องฉีดวัคซีน 2 เข็ม และมีประกันสุขภาพครอบคลุมการรักษาในช่วงอยู่ไทย หุ้นที่ได้ประโยชน์จากจีนเปิดประเทศ ได้แก่ AAV AU EKH SPA M NOBLE CPN CPALL SISB TKN BEAUTY KAMART PLAT MBK

(+) BDMS คาดกำไร 4Q22 -12% Q-Q ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ +13% Y-Y หนุนจากทั้งผู้ป่วยไทยและผู้ป่วยต่างชาติที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง ท่าให้รายได้คาดว่ายังเติบโตแข็งแรง -1% Q-Q, +9% Y-Y โดยรายได้ผู้ป่วยไทยคาดสูงกว่าช่วงก่อน COVID-19 ราว 4% ขณะที่ต่างชาติคาดกลับมาเท่าช่วงก่อน COVID-19 เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2022 ขึ้นเป็น +61% Y-Y และเติบโตต่อเนื่องอีก +4% Y-Y ในปี 2023 โดยปรับรายได้ขึ้นให้สอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตของบริษัท รวมถึง EBITDA Margin ที่สูงขึ้น ส่วนการเปิดประเทศของจีน คาดเป็นบวกในระยะถัดไป และคาดเริ่มเห็นการกลับมาทำความร่วมมือกับ Ping An อีกครั้ง เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 34.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”

 

(+) ตลาดดาวโจนส์ ปิดเพิ่มขึ้น 700.53 จุด หรือ +2.13% ปิดที่ 33,630.61 จุด จากข้อมูลรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร รวมทั้งดัชนีภาคบริการของสหรัฐ ซึ่งสะท้อนว่าเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และเป็นปัจจัยหนุนให้ FED อาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ย

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มน้ำมันและกลุ่มเหมืองแร่ที่พึ่งพาตลาดจีน ซึ่งขึ้นตามราคาทองแดงที่ปรับตัวขึ้น

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก จากจีนและฮ่องกงยกเลิกข้อกำหนดที่บังคับให้นักท่องเที่ยวขาเข้าต้องกักตัวก่อนเดินทางเข้าประเทศ

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 33.62 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ปิดเพิ่มขึ้น 10 เซนต์ หรือ 0.14% ปิดที่ 73.77 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่า ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 74.22 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.61%

(+) ราคาทองคำ COMEX ปิดเพิ่มขึ้น 29.1 ดอลลาร์ หรือ 1.58% ปิดที่ 1,869.7 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่า ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 1,872.1 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.13%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 915.32 / -1.45

- Advertisement -