บมจ.เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค (“KWM”) ลั่นปี 66 ทิศทางผลงานโตต่อเนื่อง จากความต้องการใช้อุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตรเพิ่ม ประกาศเดินหน้าบุกขยายตลาดต่างประเทศเต็มสูบ หวังขยายฐานลูกค้าและตอกย้ำแบรนด์ “Pegasus” มั่นใจจะมีสัดส่วนรายได้ต่างประเทศ เข้ามาประมาณ 15-20% ของรายได้รวม พร้อมลุยต่อยอด LABACTIVE (แล็บแอคทีฟ) และ KWHB (เคดับบลิวเอชบี) หนุนรายได้โตแกร่ง
นายอุกฤษณ์ วนโกสุม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ดับบลิว.เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตร ได้แก่ ใบผาล โครงผาล ใบเกลียวลำเลียง และใบดันดิน เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี2566 บริษัทฯ วางกลยุทธ์เชิงรุกในเจาะตลาดการจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตร ไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยเบื้องต้นมีการจัดทีมการตลาด เพื่อขับเคลื่อนสำหรับบุกตลาดต่างประเทศ โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯมีการศึกษาและขยายไปแล้วใน 3 ประเทศ อาทิ ประเทศเวียดนาม, ประเทศลาว และ ประเทศพม่า
ล่าสุดอยู่ระหว่างการศึกษาตลาดในประเทศกัมพูชา ทวีปแอฟริกา และ ทวีปยุโรป เพิ่มเติม ทั้งนี้สาเหตุที่บริษัทฯขยายตลาดไปยังต่างประเทศ เนื่องจากมองว่าดีมานด์ความต้องการใช้อุปกรณ์สำหรับการเกษตรมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับตลาดการใช้อุปกรณ์เกษตรในประเทศเริ่มมีการอิ่มตัว จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้บริษัทฯเร่งเดินหน้าขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ซึ่งการขยายตลาดเป็นการตอกย้ำแบรนด์คุณภาพของ KWM เนื่องจากบริษัทฯมีความชำนาญ (know-how) ในการผลิตอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตรที่มีคุณภาพดี ภายใต้แบรนด์ “Pegasus” ดังนั้นบริษัทฯเชื่อว่า จากแผนการขยายตลาดดังกล่าวจะส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตร ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทฯคาดจะมีสัดส่วนรายได้ต่างประเทศ เข้ามาประมาณ 15-20% ของรายได้รวม
ทั้งนี้ แม้ว่าธุรกิจหลัก ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่หากพิจารณาจากกลุ่มธุรกิจในเครือที่บริษัทฯ มีการลงทุนไปก่อนหน้านี้ ทั้ง บริษัท แล็บแอคทีฟ จำกัด (LABACTIVE) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน (JV) โดย KWM ถือหุ้นในสัดส่วน 51% เพื่อดำเนินธุรกิจการสกัด แปรรูปวัตถุดิบที่ได้จากพืชผลทางการเกษตรและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและสกินแคร์ ในรูปแบบ OEM และ บริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด (KWHB) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน (JV) โดย KWM ถือหุ้นในสัดส่วน 51% และกลุ่มพันธมิตร ภายใต้บริษัท เฮมพ์บิซ จำกัด จะเริ่มทยอยเข้ามาสร้างรายได้เพิ่มให้กับKWM ตั้งแต่ปี2566 เป็นต้นไป
“ในปี 2566 LABACTIVE อาจจะเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ เนื่องจากเรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร สถานที่ และช่องทางการเข้าถึงลูกค้า ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเราได้ออกผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องสำอางและสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากกัญชง-กัญชาแล้ว ได้รับการตอบรับที่ดี ทั้งนี้ปัจจุบัน LABACTIVE ก็การวางกลยุทธ์และความพร้อมในการดำเนินธุรกิจในการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องสำอางและสกินแคร์ที่มีสารสกัดจากกัญชง-กัญชา”
สำหรับ KWHB นั้น คาดว่าโรงงานจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในเร็วๆ นี้ ก่อนที่จะติดตั้งเครื่องสกัดสารสำคัญจากพืชสมุนไพรไทย พืชกระท่อม และดำเนินการสกัดเชิงพาณิชย์ในขั้นตอนต่อไป โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างพัฒนาผลิตภัณฑ์สารสกัดที่ได้จากพืชกระท่อม ทั้งในรูปแบบ ละลายน้ำ แคปซูล ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอเลขที่จดแจ้งผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสารสกัดจากพืชกระท่อม จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งคาดว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะเริ่มวางจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2566 อย่างแน่นอน โดยล่าสุด อย. ได้เข้าตรวจโรงงานสกัดสาระสำคัญจากพืชสมุนไพรไทยของ KWHB แล้ว ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการภายในไตรมาส1/2566