บล.เคจีไอ (ประเทศไทย): 

Thanapiriya PCL (TNP.BK/TNP TB)

ประมาณการ 4Q65F: กำไรจะสูงสุดตามฤดูกาล

Event

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ TNP ใน 4Q65F จะอยู่ที่ 52 ล้านบาท (-2% YoY, +41% QoQ) ซึ่งเป็นระดับที่สูง ที่สุดในรอบปี เพราะผลจากปัจจัยฤดูกาล และฐานที่ต่ำกว่าของมาตรการกระตุ้นในช่วงที่ COVID ระบาดในปี 2564 ซึ่งจะส่งผลให้กำไรสุทธิในปี 2565 อยู่ที่ 159 ล้านบาท (-18% YoY) และเป็นไปตามประมาณการกำไรเต็มปีของเรา

Impact 

คาดว่า SSSG จะหดตัวในอัตราที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ใน 4Q65

เราคาดว่ายอดขายของ TNP ใน 4Q65 จะอยู่ที่ 727 ล้านบาท (+5% YoY, +17% QoQ) โดยคาดว่า SSSG จะหดตัวในอัตราที่ลดลงเพราะฐานที่ต่ำกว่าของมาตรการกระตุ้น (~1.40 แสนล้านบาทใน 2H64 จาก 4 แสนล้านบาทใน 1H64) การขยายสาขาร้าน และผลจากปัจจัยฤดูกาล ทำให้ยอดขายในปี 2565 อยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท (-4% YoY) เป็นไปตามประมาณการยอดขายเต็มปีของเรา ทั้งนี้ เราคาดว่า SSSG ของ TNP จะหดตัวในอัตราที่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าโดยอยู่ที่ -1% ซึ่งจะทำให้ SSSG ปี 2565 อยู่ที่ประมาณ -11% และเป็นไปตามประมาณการเต็มปีของเรา นอกจากนี้ TNP ยังเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีกหนึ่งสาขาใน ไตรมาสที่สี่ ทำให้จำนวนสาขาทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 41 ร้านเมื่อสิ้นปี 2565 จาก 38 ร้านเมื่อสิ้นปี 2564 

อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น

เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ TNP ใน 4Q65 จะอยู่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 17.5% (+0.1ppt YoY, +0.6ppts QoQ) จากปัจจัยฤดูกาล ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2565 อยู่ที่ 17.2% (+0.1ppt YoY) ซึ่งค่อนข้างใกล้เคียงกับประมาณการของเรา นอกจากนี้ เราคาดว่าสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายจะอยู่ที่ 9.0% (จาก 8.3% ใน 4Q64 และ 10% ใน 3Q65) สะท้อนถึงการขยายสาขา และค่าใช้จ่ายอื่นๆ อย่างเช่น ต้นทุน logistic (ประมาณ 0.3% ของยอดขาย) และต้นทุนสาธารณูปโภค (ประมาณ 0.6% ของยอดขาย) สถานะที่เป็นเอกลักษณ์จะช่วยหนุนผลประกอบการ

เนื่องจากบริษัทมีสถานะที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว (รับบัตรสวัสดิการ) เราจึงคาดว่า TNP จะได้อานิสงส์ จาก i) เงินอุดหนุนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐงวดล่าสุดของรัฐบาล ซึ่งเพิ่งมีการอนุมัติเพิ่มเงิน 200 บาท/คน ในเดือนมกราคมสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทุกคน (ประมาณ 13 ล้านคน คิดเป็นมูลค่ารวม 2.6 พันล้านบาท) และ ii) สมาชิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบปี 2566 ประมาณ 19 ล้านคน (จากที่มีผู้ยื่นสมัคร เข้ามา 22 ล้านคน) ซึ่งผ่านเกณฑ์เบื้องต้นสำหรับปี 2566 และจะประกาศรายชื่อได้ภายในเดือนมกราคม ซึ่งเรามองว่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนผลประกอบการของ TNP ในขณะเดียวกัน แผนการขยายสาขา (ปีละ 5 สาขา หรือเท่ากับ 10% ของจำนวนสาขาทั้งหมด) จะช่วยหนุนยอดขาย และอัตรากำไรขั้นต้น (จาก อำนาจการต่อรองกับ supplier ที่เพิ่มขึ้น และประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของศูนย์กระจายสินค้า )

Valuation & action

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 4.80 บาท อิงจาก PER (ค่าเฉลี่ยในอดีต -0.5 S.D.) ที่ 20.0x

Risks

ภัยธรรมชาติ, การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น, การบริหารสินค้าคงคลัง, การดำเนินงานสะดุด, disruption จาก เทคโนโลยีใหม่, ความเสี่ยงจากการขยายสาขาร้าน และความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ

- Advertisement -