บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
AEON Thana Sinsap (AEONTS.BK/AEONTS TB)*
ผลประกอบการ 3Q65/66: ได้แรงหนุนจากกำไรจากการขาย NPLs
Event
กำไรสุทธิของ AEONTS ใน 3Q65/66 (กันยายน-พฤศจิกายน 2565) อยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท (+22% QoQ, +35% YoY) ดีกว่าประมารการของเรา 4% และเป็นไปตาม consensus โดยกำไรสุทธิในงวด 9M65/66 อยู่ที่ 3.1 พันล้านบาท (+18% YoY) คิดเป็น 74% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา
Impact
กําไรจากการขาย NPLs ช่วยหนุนผลประกอบการใน 3Q65/66
ผลประกอบการที่ออกมาดีเกินคาดใน 3Q65/66 เป็นเพราะกำไรพิเศษจากการขาย NPL สูงเกินคาดที่ 300 ล้านบาท (เราคาดไว้เพียง 210 ล้านบาท) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY มาจากกำไรพิเศษจากการขาย NPLs ใน 3Q65/66 (จากที่ไม่มีการบันทึกกำไรส่วนนี้เลยใน 2Q65/66 และ 3Q64/65) นอกจากนี้ กำไรที่เพิ่มขึ้น YoY ยังได้แรงหนุนจากการที่สินเชื่อขยายตัว 6% YoY อีกด้วย แต่หากไม่รวมกำไรจากการขาย NPLs กำไรจากการดำเนินงานจะทรงตัว QoQ แต่เพิ่มขึ้น 6% YoY ใน 3Q65/66 สอดคล้องกับประมาณการกำไรของเรา
ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจใน 3Q65/66
พอร์ตของบริษัททรงตัว QoQ และขยายตัว 6% YoY ใน 3Q65/66 จากการจับจ่ายใช้สอยผ่านบัตรเครดิต ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาดเอาไว้ ดังนั้น yield สินเชื่อจึงลดลงเล็กน้อยเหลือ 20.32% จาก 20.40% ในไตรมาสก่อนหน้า และจาก 20.60% ใน 3Q64/65 ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินทรงตัว QoQ อยู่ที่ 2.78% ใน 2Q65/66 แต่เพิ่มขึ้นจาก 2.62% ใน 3Q64/65 ในขณะเดียวกัน สัดส่วนต้นทุนต่อรายได้อยู่ที่ 35.0% (ลดลงจาก 36.2% ใน 3Q65/66 และ 37.4% ใน 3Q64/65) ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาดไว้
สัดส่วน NPLs เพิ่มขึ้นเป็น 5.6%
กระแส NPL เกิดใหม่ยังสูงตามคาดใน 3Q65/66 ถึงแม้จะมีการขาย NPL ก้อนใหญ่ออกไป แต่สัดส่วน NPL ยังคงเพิ่มขึ้นเป็น 5.6% ใน 3Q65/66 (เราคาดไว้ที่ 5.5%) จาก 5.5% ใน 2Q65/66 และ 4.8% ใน 3Q64/65 ในขณะที่สัดส่วน NPL coverage อยู่ที่ 196% (ลดลงจาก 207% ใน 2Q65/66 และ 255% ใน 3Q64/65) และ credit cost อยู่ที่ 7.9% เท่ากับเมื่อไตรมาสก่อนหน้า
Valuation and action
เรายังคงมุมมองว่า NPL/คุณภาพสินทรัพย์ จะเป็นประเด็นระยะยาวที่ทำให้บริษัทต้องรักษา credit cost เอาไว้ในระดับสูงต่อเนื่อง ในขณะที่คาดว่าสินเชื่อจะขยายตัวได้อย่างจำกัด (โดยเฉพาะ p-loan) เพื่อ ป้องกันความเสี่ยงของพอร์ต นอกจากนี้ เราคาดว่ากำไรจะลดลง QoQ เพราะคาดว่าจะไม่มีการขาย NPL ในงวด 4Q65/66F ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำถือ และประเมินราคาเป้าหมายที่ 184 บาท (PE ที่ 10.2x เท่ากับ กำไรเฉลี่ยปี FY2566F-2567F -0.5 S.D.)
Risks
อุปสงค์สินเชื่อชะลอตัวลงจากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ทางการกดดัน yield สินเชื่อ, NPLs เพิ่มขึ้นจากกลุ่มลูกค้าระดับล่าง