MASTER เคาะราคาไอพีโอ 46 บ. เปิดจองซื้อ 17-19 ม.ค. นี้ พร้อมลั่นระฆังเทรดกระดาน เอ็ม เอ ไอ 25 ม.ค. นี้

บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ประกาศราคาไอพีโอ 46 บาท กำหนดให้จองซื้อวันที่ 17-19 ม.ค. 2566 พร้อมลั่นระฆังเทรดตลาด เอ็ม เอ ไอ  25 ม.ค. 2566 “สมภพ กีระสุนทรพงษ์” กรรมการผู้อำนวยการ FSS ควง “พายุพัด มหาผล” กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ YUANTA ในฐานะ Joint Lead Underwriter มั่นใจนักลงทุนตอบรับดีเยี่ยม ชูจุดเด่นด้านศักยภาพโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ผู้นำด้านศัลยกรรมความงามของไทย และคาดลงกระดานตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 25 ม.ค. 2566  เตรียมนำเงินระดุมทุน ต่อยอดการเติบโต หวังสร้างผลตอบแทนที่ดีสู่ผู้ถือหุ้นอย่างมั่นคงในระยะยาว

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS ในฐานะเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม หรือ Joint Lead Underwriter ของบริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER เปิดเผยว่า MASTER ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 65 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 46 บาท โดยกำหนดเปิดให้จองซื้อหุ้นในวันที่ 17-19 มกราคม 2566 และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 25 มกราคม 2566 ในหมวดธุรกิจบริการ ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายคือ “MASTER”

“MASTER เป็นหุ้นในกลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจ ซึ่งการกำหนดราคาไอพีโอเป็นราคาที่เหมาะสม สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งจากการเป็นผู้นำด้านศัลยกรรมความงามครบวงจรของไทย และผลประกอบการที่โดดเด่น ทั้งในแง่รายได้และความสามารถในการทำกำไร รวมถึงศักยภาพการเติบโตในอนาคตจากการลงทุนขยายจำนวนห้อง OR อีกกว่าเท่าตัวจากปัจจุบัน จึงมั่นใจว่า MASTER จะเป็นหลักทรัพย์ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน” นายสมภพ กล่าว

ทั้งนี้ MASTER เสนอขายไอพีโอจำนวน 65 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 27.08% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ซึ่งหุ้นที่เสนอขายในครั้งนี้ ประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 50 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 20.83% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย In Glory Investments Limited ไม่เกิน 15 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 6.25%

นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม หรือ Joint Lead Underwriter ของบริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นครั้งนี้ MASTER มี บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย หรือ Joint Lead Underwriter ในครั้งนี้ ประกอบด้วย ร่วมกับผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 6 ราย ดังนี้ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด

นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของบริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER กล่าวเสริมว่าจุดเด่นของ MASTER คือ เมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ เรียบร้อยแล้ว MASTER จะเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมแห่งแรกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  ขณะที่เงินระดมทุนจะนำไปขยายศักยภาพการเติบโต โดยทำให้เพิ่มจำนวนห้อง OR อีก 10 ห้อง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 7 ห้อง และขยายพื้นที่ให้บริการจะช่วยให้ MASTER เพิ่ม Capacity ในการรองรับการให้บริการได้มากขึ้น คาดว่าจะส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นและเกิดการประหยัดต่อขนาดในอนาคต

ด้านผลการดำเนินงาน MASTER อัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด สอดคล้องกับการเป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมอันดับหนึ่งในใจของลูกค้า ส่งผลให้เกิดการบอกต่อของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการที่ MASTER เป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมครบวงจรไม่มีสาขา ช่วยให้เกิดการประหยัดทางค่าใช้จ่าย และส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิ อยู่ระดับสูงที่ 21%-24%

นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER  เปิดเผยว่า การเดินหน้าเข้า ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หรือ mai สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจของ MASTER บนเส้นทางการดำเนินธุรกิจกว่า 9 ปี หลังจากที่ได้ก่อตั้งบริษัทฯ และมีการพัฒนา ยกระดับ MASTER ให้เป็นโรงพยาบาลด้านศัลยกรรมครบวงจรยุคใหม่ เพราะเล็งเห็นปลายทางความต้องการของลูกค้าที่ต้องการทำให้ตัวเองดูดีขึ้น จนเกิดเป็นการบอกต่อ และได้รับความเชื่อมั่นในด้านคุณภาพและบริการที่ประทับใจเรื่อยมา

“มาสเตอร์ สไตล์ ให้บริการโรงพยาบาลด้านศัลยกรรมเสริมความงาม ภายใต้ชื่อโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช โดยมีเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำศัลยกรรมเสริมความงามครบวงจรของไทย ซึ่งแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจ เพิ่มโอกาสในการเติบโตในอนาคต และสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้นอย่างมั่นคงในระยะยาว ซึ่งการระดมทุนในครั้งนี้เปิดโอกาสให้นักลงทุนและประชาชนที่สนใจได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการต่อยอดความสำเร็จของ MASTER ไปด้วยกัน” นายแพทย์ระวีวัฒน์ กล่าว

นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER เปิดเผยว่า สำหรับเงินที่บริษัทระดมทุนได้จากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ บริษัทจะนำไปลงทุนในโครงการปรับปรุงอาคารและห้องผ่าตัดบนพื้นที่โรงพยาบาลเดิม รวมถึงจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับการศัลยกรรม (Surgery), การปลูกผมและดูแลเส้นผม (Hair), การบริการดูแลผิวพรรณและเลเซอร์ (Skin) รวมถึงใช้เป็นเงินลงทุนสำหรับก่อสร้างและปรับปรุงอาคาร เพื่อขยายพื้นที่ศูนย์บริการ เช่น ศูนย์ดูแลเส้นผม ศูนย์ดูดไขมัน ศูนย์ตา และศูนย์สุขภาพชาย รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวก และสำนักงาน รวมถึงเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน สอดคล้องกับแผนการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม สำหรับผลประกอบการของกลุ่มบริษัทฯในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562-2564) มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง โดยบริษัทฯในปี 2562 – 2564 และงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการประกอบกิจการโรงพยาบาล 414.03 ล้านบาท 611.06 ล้านบาท 659.51 ล้านบาท และ 1,011.14 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 47.59 ร้อยละ 7.93 และร้อยละ 133.99 ตามลำดับ

สอดคล้องกับผลการดำเนินงานในปี 2562 – 2564 และงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30กันยายน 2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 61.25 ล้านบาท 128.55 ล้านบาท 162.80 ล้านบาท และ 222.22 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 14.66 ร้อยละ 20.89 ร้อยละ 23.59 และร้อยละ 21.86 ตามลำดับ โดยอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสาเหตุหลักมาจากการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น ตามที่กล่าวไปข้างต้น

สำหรับนโยบายการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และการจัดสรรเงินทุนสำรองต่างๆ

- Advertisement -