KS Daily View 16.01.2023 > ตลาดหุ้นไทยวันนี้ประเมิน 1685 -1700 จุด Key สำคัญ ในสัปดาห์นี้คือติดตาม GDP จีนงวด 4Q22 และ Debt ceiling สหรัฐ กลยุทธ์แนะนำหุ้นที่ทิศทางกำไรเติบโตโดดเด่นและได้กระแสบวกจากเงินเฟ้อสหรัฐที่ปรับลงแนะนำ BE8

สรุปตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์

ในประเทศ : SET Index ปิด 1681.73 จุด (-0.34%) ปรับลงไม่ได้มีปัจจัยอะไรใหม่กดดัน โดยหุ้นที่กดดัชนีคือ DELTA -4.8%, SCGP -2.2%ฯลฯ ส่วนหุ้นที่หนุนดัชนีหลักๆ คือ BCP+9.4%, AWC+2.5%, MAKRO +1.2% ฯลฯ โดยต่างชาติยังคงเป็นผู้ซื้อสุทธิต่อเนื่องทุกวันตั้งแต่ต้นปี สวนทางกับกองทุนที่ขายสุทธิติดต่อกัน

ต่างประเทศ : ตลาดหุ้นสหรัฐยังปรับตัวขึ้นต่อตอบรับข่าวเงินเฟ้อสหรัฐ เดือน ธ.ค. ชะลอลง โดยรวมหนุนดัชนี Dow Jones 0.33%DoD, ดัชนี S&P500 0.4%, NASDAQ 0.71% โดย Sector ในดัชนี S&P500 ของสหรัฐ ปรับขึ้นเกือบยกแผง Consumer Discretionary + 0.97%, Financial +0.71%, Health Care 0.47%ฯลฯ

แนวโน้มตลาดหุ้นต่างประเทศ : เราประเมินตลาดหุ้นทั่วโลกสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัวขึ้นต่อ ประเมินหุ้นกลุ่ม Growth และกล่ม Tech คาดจะ Outperform กว่ากลุ่ม Value Play โดยเฉพาะ หุ้น Tech ในสหรัฐ (ดัชนี Nasdaq) , หุ้น Tech จีน ( China Golden dragon) หลังจากเงินเฟ้อสหรัฐชะลอลงและปรับลดลง MoM ทำให้มุมมองเรื่องดอกเบี้ยสหรัฐตลาดเชื่อมั่นว่าได้ผ่าน Peak ไปแล้วและอาจจะเริ่มเห็นการ U Turn policy จาก Fed เร็วขึ้น โดยมุมมองของเราคาดตลาดหุ้นฝั่งเอเซียจะ Outperform กว่าฝั่งประเทศพัฒนาแล้ว

เนื่องจากสัปดาห์นี้ ประเด็นสำคัญคือ วันพฤหัสบดี ติดตามประเด็นการเมืองสหรัฐ คาดอาจจะมีกระแสประเด็นเพดานหนี้สาธารณะสหรัฐ (Debt Ceiling) คาดมีความเสี่ยงเกิด Goverment Shutdown หลังจากรัฐฐาลสหรัฐไม่ได้ครองเสียงข้างมา เรามองว่าตลาดหุ้นสหรัฐน่าจะเห็นการย่อลง แต่มองแค่ระยะสั้น เราประเมินเป็นผลต่อ Dollar Index อ่อนค่าต่อ ปัจจุบัน อยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200วัน และทำ New ต่ำสุด ตั้งแต่กลางปี 65 และหนุนค่าเงินในสกุลต่างๆ และ Fund Flow ไหลเข้าตลาดหุ้นฝั่งเอเซีย โดยประเด็นในฝั่งเอเซียที่ต้องติดตามคือ กลางสัปดาห์ รายงาน Retail sales จีน และ GDP Growth ของจีนงวด 4Q22 คาดชะลอ 1.8%YoY จาก 3.9%YoY ในงวด 3Q22 หากออกมาชะลอเรามองว่าตลาดได้ตอบรับไปในราคาแล้วและมองข้ามไปงวด 1Q22 คาดจะฟื้นตัวตามการเปิดประเทศในวันที่ 8 ม.ค.

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ : ประเมินสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1685 – 1700 จุด ปัจจัยหนุนมาจากต่างประเทศ ทั้งเงินเฟ้อสหรัฐที่ผ่านจุด Peak และจีนเปิดประเทศหนุนนักท่องเที่ยวทั้งปี 2023 มี Upside ต่อประมาณการณ์ และเงินบาทเดินหน้าแข็งค่าต่อเนื่อง ล่าสุดอยู่ที่ 32.8 บาท หนุนทิศทาง Fund Flow ไหลเข้าต่อเนื่อง โดยปัจจัยในประเทศเข้าสู่ฤดูกาลรายงานผลประกอบการงวด 4Q22 เริ่มจากงบกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยคาดประกาศปลายสัปดาห์ เราคาดกำไร ของกลุ่มธนาคารจะอยู่ที่ 4.51 หมื่นลบ. (+7% QoQ และ +40% YoY) จาก NIM ที่เพิ่มขึ้น และ credit cost ที่ลดลง เราคาดสินเชื่อรวมทรงตัวในงวด4Q22 แต่คาด NIM จะดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่สูงขึ้น ขณะที่ opex น่าจะอยู่ระดับสูงตามฤดูกาล โดยบริษัทที่กำไรเราคาดจะโตทั้ง YoY และ QoQ คือ BAY, BBL, SCB, TISCO

โดยรวมหุ้นเด่นกลุ่มธนาคารที่เราแนะนำ KTB (ราคาพื้นฐาน 20.0 บาท) และ TTB (ราคาพื้นฐาน 1.59 บาท) โดยรวมยังคงุมุมมองตลาดจะยังคงเป็นการสับเปลี่ยนกลุ่มเล่น โดยประเมินคาดจะเห็นเงินไหลกลับมาที่กลุ่มการเงิน กลุ่ม Growth และหุ้น Tech Consult

ประเด็นที่ต้องติดตาม :

1.) ติดตามทิศทางค่าเงินบาทซึ่งล่าสุดแข็งค่ากว่าภูมิภาคหลุดแนวรับสำคัญที่ 33 บาทต่อ USD บนจำนวนนักท่องเที่ยวที่เร่งตัวขึ้น และค่าเงิน USD ที่มีแนวโน้มอ่อนค่า ขณะเดียวกันสัปดาห์นี้ต้องติดตามเรื่องประเด็นการเมืองสหรัฐฯ ในการขยายเพดานหนี้สาธารณะ (Debt Ceiling) และมีความเสี่ยงเกิด Goverment Shutdown หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯไม่ได้ครองเสียงข้างมาก และจะมีผลให้ Dollar Index อ่อนค่าต่อ โดยกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า คือ ผู้นำเข้ามาขายในประเทศ (TOA, SABINA, DOHOME, HMPRO, GLOBAL) และคนที่มีหนี้ USD เยอะๆ (BGRIM EGCO SSP) ส่วนคนที่ได้รับผลลบคือกลุ่มส่งออก

2.) Agri and Food sector: ติดตามราคาปาล์มน้ำมันร่วงเหลือ 3 บาท/กก. ระบุล้นตลาด เกษตรกรอ่วม หลัง “ลานเท- โรงสกัด” งดรับซื้อ มองเป็นลบกับผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองอย่าง TVO เพราะน้ำมันปาล์มซึ่งเป็นสินค้าทดแทนราคาถูกลง

3.) ติดตามทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่ง ธปท. จะมีการประชุมในวันที่ 25 ม.ค. โดย ธปท. อาจมีการส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย (ปัจจุบันอยู่ที่ 1.25%) เพื่อลดการเก็งกำไรทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่าเร็วมากกว่า 13% จากปลายเดือน พ.ย. 2565 ที่ราวๆ 38 บาทต่อ USD และแข็งค่าเร็วกว่าค่าเงินอื่นๆในภูมิภาค มองกลุ่มที่จะได้ sentiment บวกจากเรื่องนี้คือกลุ่ม Finance และโรงไฟฟ้า ส่วนกลุ่มที่ได้ sentiment ลบคือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์

Theme การลงทุนแนะนำ

1.) กลุ่มการเงิน ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยในต่างประเทศและในประเทศผ่านจุด Peak แนะนำกลุ่ม AMC คือ JMT, CHAYO กลุ่มเช่าซื้อรถบรรทุก THANI

2.) กลุ่ม tech Consult ได้กระแสบวกตามต่างประเทศ /อัตราดอกเบี้ยผ่าน Peak/ กระแส Virtual Bank แนะนำ BE8, BBIK

3.) กลุ่มทีได้ประโยชน์จากราคาพลังงานปรับลงและเงินบาทแข็งค่าแรง แนะนำ โรงแรมในยุโรป SHR, โรงไฟฟ้า BGRIM SSP กลุ่มวัสดุก่อสร้าง TOA

ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ แกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1680-1691 จุด หุ้นแนะนำ BE8

Top pick :

BE8 (ราคาพื้นฐาน 69.1 บาท) 1.) เราประเมินหุ้น Tech Consult คาดได้ Sentiment บวกตามหุ้น Tech สหรัฐ 2.) เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของ BE8 จากยอด backlog ที่แข็งแกร่งในปี 2022 และทิศทางกำไรที่ดีต่อเนื่องในงวด 4Q22 และปี 2023

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันจันทร์ ติดตามดัชนีราคาผู้ผลิตของญี่ปุ่นเดือน ธ.ค. คาด +0.3% MoM และ +9.5% YoY และดัชนีราคาบ้านของจีนเดือน ธ.ค. คาด -2.0% YoY จากเดือนก่อนหน้าที่ -1.6% YoY
  • วันอังคาร ติดตามตัวเลข GDP 4Q22 ของจีน คาด -0.8% QoQ และ +1.8% YoY (ชะลอตัวลงจาก 3Q22 ที่ +3.9% YoY) ตัวเลข Retail Sales ของจีนเดือน ธ.ค. คาด -7.8% YoY (ลดลงต่อจากเดือนก่อนหน้าที่ -5.9% YoY) ตัวเลข Industrial Production ของจีน เดือน ธ.ค. คาด +0.5% YoY ตัวเลข Fixed asset investment ของจีนเดือน ธ.ค. (YTD) คาด +5.0% YoY ดัชนี Zew Economic Sentiment Index ของเยอรมันเดือน ม.ค. คาด -15 จุด ดีขึ้นจาก -23.3 จุด และตัวเลข New York Empire State Manufacturing เดือน ม.ค. คาด -8.7 จุด ดีขึ้นจาก -11.2 จุดเดือนก่อนหน้า
  • วันพุธ ติดตามการประชุม BOJ คาดจะมีการขยายเพดานหรือยกเลิกนโยบาย Yield Curve Control บนพันธบัตรระยะยาว 10 ปี ตัวเลขเงินเฟ้อของอังกฤษ เดือน ธ.ค. คาด +0.4% MoM และ +10.6% YoY ตัวเลข Retail Sales ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด -0.8% MoM ตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด -0.1% MoM และ +6.8% YoY ถ้อยแถลงของ Fed Bostic, Fed Harker, และ Fed Bullard และตัวเลขดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด -0.2% MoM
  • วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขการส่งออก และนำเข้าของญี่ปุ่นเดือน ธ.ค. คาด +10% YoY และ +24% YoY ตามลำดับ ตัวเลข Building Permits ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด +3.7% MoM เป็น 1.4mn ยูนิต ตัวเลข Housing Starts ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด -1.9% MoM เป็น 1.4mn ยูนิต ตัวเลข Initial Jobless Claim ของสหรัฐฯ รายสัปดาห์คาด +212K (เทียบสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 205K) ถ้อยแถลงของ Fed Collins และ Fed Brainard และปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ รายสัปดาห์
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อญี่ปุ่นเดือน ธ.ค. คาด +0.2% MoM และ +4% YoY การกำหนดอัตราดอกเบี้ย Loan Prime Rate ของจีน 1 ปี และ 5 ปี คาดคงดอกเบี้ยที่ 3.65% และ 4.3% ตามลำดับ ตัวเลข Gfk Consumer Confidence index ของอังกฤษเดือน ม.ค. คาด -40 จุด (ดีขึ้นจาก -42 จุด) ตัวเลข Retail Sales ของอังกฤษเดือน ธ.ค. คาด +0.4% MoM ตัวเลขเงินเฟ้อผู้ผลิตของเยอรมันเดือน ธ.ค. คาด -1.2% MoM และ +20.8% YoY ถ้อยแถลงของ ECB President Lagarde และ Fed Waller และตัวเลข Existing Home Sales ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด -2% MoM เป็น 4mn ยูนิต
- Advertisement -