บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Bumrungrad Hospital (BH.BK/BH TB)*

ประมาณการ 4Q65F: กำไรจะโตแรง YoY

Event

ประมาณการ 4Q65, ปรับเพิ่มประมาณการปี 2565-2566F และราคาเป้าหมายปี 2566

Impact

คาดว่าผลประกอบการจะยังแข็งแกร่งใน 4Q65

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ BH ใน 4Q65F จะออกมาน่าพอใจที่ 1.29 พันล้านบาท (+111.5% YoY, -13.8% QoQ) คิดเป็น 27.6% ของประมาณการกำไรสุทธิเต็มปี 2565F ที่ปรับใหม่ของเราที่ 4.69 พันล้านบาท นอกจากนี้ BH จะเป็นหนึ่งในกิจการที่ได้อานิสงส์อย่างมากจากการกลับมาเปิดประเทศจากรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 66% ของรายได้รวมในช่วงก่อน COVID ระบาด นอกจากนี้ ผลประกอบการโดยรวมยังถูกขับเคลื่อนโดยการรักษาผู้ป่วยที่มี intensity เพิ่มขึ้น YoY จากการที่มีผู้ป่วย ต่างชาติกลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 3065 โดยเรามองว่า ปัจจัยสำคัญในผลประกอบการ 4Q65 ได้แก่

i) รายได้จะเพิ่มขึ้น 33.2% YoY แต่ลดลง 8.9% QoQ เหลือ 5.17 พันล้านบาท

 ii) อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 46.0% เพิ่มขึ้นจาก 41.7% ใน 4Q64 แต่ลดลงจาก 48.4% ใน 3Q65 เนื่องจากผู้ป่วยต่างชาติกลับมาใช้บริการ หลังจากที่มีการผ่อนคลายข้อจำกัดในการคุม COVID-19 เนื่องจากมีการเปิดประเทศ แม้จะเป็นช่วงเทศกาล

iii) สัดส่วน SG&A/รายได้ จะอยู่ที่ 19.0% ลดลงจาก 21.5% ใน 4Q64 แต่เพิ่มขึ้นจาก 17.6% ใน 3Q65

iv) สัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยน่าจะอยู่ที่ 34% ใน 4Q65F ในขณะที่รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติน่าจะอยู่ที่ 66% จาก 33:67 ใน 3Q65

การรักษาผู้ป่วยที่มี intensity สูงจะช่วยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานในอนาคต

Newsweek จัดอันดับให้ BH เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในประเทศไทยต่อเนื่องเป็นปีที่สามในปี 2566 ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งของบริษัทในแง่ของคุณภาพการบริการที่ได้รับการยอมรับเมื่อเปรียบเทียบกับโรงพยาบาลอื่นๆ สำหรับในระยะต่อไป เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องเมื่อพิจารณาจาก i) การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ii) margin ที่เพิ่มขึ้น และ iii) คุณภาพการรักษาพยาบาลที่สูง และ iv) ค่าบริการที่แข่งขันได้ (เมื่อเทียบกับโรงพยาบาลอื่นๆ ในระดับเดียวกัน)

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565F ขึ้นอีก 11.3% และปี 2566F ขึ้นอีก 6.8%

เนื่องจากผลประกอบการใน 4Q65F มีแนวโน้มจะออกมาดีกว่าคาดการณ์เดิม ขณะที่กำไรมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในอีกสองสามปีข้างหน้า ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565F และ 2566F เนื่องจาก i) ปรับเพิ่มอัตราการเติบโตของรายได้เป็น 5.3% และ 1.1% YoY ii) ปรับเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นเป็น 45.5% (จาก 45.0%) ในปี 2565F และเป็น 46.5% (จาก 46.0%) ในปี 2566F และ iii) ปรับลดสัดส่วน SG&A/ยอดขายลงเหลือ 19.0% (จาก 20.0%) ในปี 2565F และ 2566F ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2565F เป็น 4.69 พันล้านบาท (+285.5% YoY) และปี 2566F เป็น 5.37 พันล้านบาท (+14.7% YoY)

Valuation & Action

เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย DCF ปี 2566 เป็น 250 บาท (ใช้ WACC ที่ 8.2% และ TG ที่ 3%) จากเดิมที่ 240 บาท ทั้งนี้ นอกจากแนวโน้มผลประกอบการที่น่าพอใจแล้ว ราคาหุ้น BH ยังมี upside เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายใหม่ของเราอีกถึง 17.4% ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำหุ้น BH จาก “ถือ” เป็น “ซื้อ”

Risks

COVID-19 ระบาด, การแทรกแซงของรัฐบาล และเกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่

- Advertisement -