Daily Focus: Short-Term Upside is Limited

2023SET Target: 1760

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบแคบ ปิดลบ -3.82 จุด โดยขาดปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน  กลุ่มธนาคารถ่วงตลาด โดยเผชิญแรงขายทำกำไรระยะสั้นหลังจากปรับ =ขึ้นเด่นในช่วงก่อนหน้า สถาบันในประเทศยังคงขายสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่อง และเร่งขึ้นเป็น 1.8 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 15 อีก 808 ลบ. (และยัง Long Index Futures อีกบางๆ 2.5 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังคงแกว่ง Sideways ในกรอบ 1,670-1,690 จุด ระยะสั้นขาดปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน หลังจากตอบรับปัจจัยบวกทั้งเงินเฟ้อและการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่ชะลอ รวมถึงจีนเปิดประเทศไปมากพอสมควร ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้ คือ การประชุม BoJ ว่าจะมีการยกเลิกมาตรการ Yield Curve Control ตามที่เป็นกระแสข่าวหรือไม่ ด้านปัจจัยในประเทศโฟกัสหลักในระยะนี้จะอยู่ที่การทยอยประกาศกำไร 4Q22 ของกลุ่มธนาคารที่จะออกมาหนาแน่นในช่วงปลายสัปดาห์ โดยเฉพาะแบงก์ใหญ่ ตลาดคาดภาพรวมกำไรของกลุ่ม -3% q-q, +20% y-y หากไม่แย่กว่าคาด เราเชื่อว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อฝั่ง Real Sector ที่จะเริ่มทยอย Preview และประกาศกำไรตามออกมาหนาแน่นขึ้นในเดือน ก.พ. ระยะสั้นหุ้น Big Cap ที่ปรับตัวขึ้นได้แข็งแรงในช่วงก่อนหน้าจากแรงหนุนของกระแสเงินทุนที่ไหลเข้า คาดว่าอยู่ในช่วงพักตัวลดความร้อนแรง ขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็กจะเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น รวมถึงหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง จากกระแสที่ว่ามีโอกาสเกิดการยุบสภาในเดือน ก.พ.-มี.ค. นี้

กลยุทธ์ : ระยะสั้นเก็งกำไรหุ้น Laggard // ระยะกลาง-ยาวสะสม Domestic และ Reopening Play ช่วงพักตัว

หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : AAV, BCP, CENTEL, M, MAKRO

หุ้นเด่นวันนี้ : SC

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5 บาท
  • คาดกำไร 4Q22 +20% q-q, +44% y-y เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี จากการโอนโครงการ SCOPE หลังสวนและพร้อมศรี รวมถึง JV The Crest Park Residence รวมถึงโครงการแนวราบที่ยังแข็งแรง หนุนให้ทั้งปี 2022 คาดกำไร +15% y-y
  • แนวโน้มปี 2023 คาดยังเป็นปีที่แข็งแรงสำหรับผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่มีฐานลูกค้าระดับกลาง-บนจาก Demand ที่แข็งแรง และเศรษฐกิจที่ฟื้น รวมถึงได้อานิสงส์จากลูกค้าต่างชาติที่กลับมา เราคาดกำไรปี 2023 +6% y-y ส่วน Dividend Yield งวด 2H22 คาดที่ 3.5%
  • แนวรับ 4.10-4 บาท แนวต้าน 4.40-4.50 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคแต่บางลงเหลือ US$565 ล้าน ยังกระจุกตัวที่ไต้หวันและเกาหลีใต้ US$383 ล้าน และ US$90 ล้าน ตามลำดับ โดยปัจจัยบวกยังอยู่ที่การเปิดประเทศของจีนในปีนี้ รวมถึงการขายสุทธิหนักในปีก่อน ส่วนอาเซียนไหลเข้าประเทศละ US$24-34 ล้าน ทั้งเวียดนาม ไทย ฟิลิปปินส์ มีเพียงอินโดนีเซียที่ทรงตัว แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังค่อนไปในทิศทางไหลเข้าแต่เบาบางลง ตลาดขาดปัจจัยหนุนใหม่ และเริ่มตอบรับปัจจัยบวกจากจีนเปิดประเทศและเงินเฟ้อสหรัฐฯและยุโรปที่ชะลอไปพอสมควร

ประเด็นสําคัญวันนี้

(0) GDP 4Q22 จีนดีกว่าคาด Flat q-q, +2.9% y-y จากที่ตลาดคาดไว้ต่ำ -0.8% q-q, +1.8% y-y ส่งผลให้ปี GDP ปี 2022 จบที่ +3% y-y ด้านผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ธ.ค. +1.3% y-y ดีกว่าที่ตลาดคาดที่ +0.2% y-y แต่ชะลอจากเดือนก่อนหน้าที่ +2.2% y-y ยอดค้าปลีกยังหดตัว -1.8% y-y แต่ดีขึ้นจากเดือนก่อนที่ -5.9% y-y World Bank ประเมิน GDP จีนปี 2023 +4.3% y-y เร่งตัวขึ้นจากปี 2022 ตามการคลายมาตรการคุม COVID-19 โดยเฉพาะใน 2Q23 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม การเติบโตยังคงต่ำกว่าในอดีตที่โตกว่า 6% ต่อปี ขณะที่ประชากรจีนลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี

(+) PR9 คาดกำไร 4Q22 -10% q-q, +14% y-y หนุนจากรายได้ที่คาดยังเติบโตแข็งแรง โดยเฉพาะผู้ป่วยต่างชาติที่คาด +97% y-y และสูงกว่าก่อน COVID-19 ถึง 39% ขณะที่รายได้ผู้ป่วยไทยซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่คาด +8% y-y ฝั่งต้นทุนคาดว่าปรับตัวขึ้น และทำให้ EBITDA Margin อาจชะลอตัวเล็กน้อย แต่ภาพรวมไม่ได้น่ากังวล แนวโน้มปี 2023 คาดยังเติบโตได้ต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากจีนเปิดประเทศ เราปรับประมาณการกำไรปี 2022-2023 ขึ้นเป็น +125% y-y และ +4% y-y ตามลำดับ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 22 บาท ราคาหุ้น ปัจจุบันเทรด PER ราว 27 เท่า เทียบกับกลุ่มที่ 32 เท่า ยังแนะนำ “ซื้อ”

 

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 391.76 จุด หรือ -1.14% ปิดที่ 33,910.85 จุด จากนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของธนาคารโกลด์แมน แซคส์ที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก ได้แรงหนุนจากความคาดหวังว่า ECB จะพิจารณาการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก โดยนักลงทุนรอติดตามผลการประชุม BOJ ในวันนี้

(0) ค่าเงินบาท แกว่งตัวแคบ อยู่ที่บริเวณ 32.99 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 80.18 ดอลลาร์/ บาร์เรล หลังจีนเปิดเผยตัวเลข GDP ที่ขยายตัวดีเกินคาด ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 80.62 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.55%

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 11.8 ดอลลาร์ หรือ 0.61% ปิดที่ 1,909.9 ดอลลาร์/ออนซ์ จากแรงเทขายทำกำไร หลังสัญญาทองคำปรับเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ขึ้นที่ระดับ 1,910.2 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.02%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 909.24 / -2.90

- Advertisement -