ตลาดหุ้นวานนี้
SET Index ปิดบวก 4 จุด (+0.26%) ปิดที่ 1,685 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6.1 หมื่นล้านบาท นักลงทุนเข้าซื้อหุ้น AOT DELTA PTTEP และ BDMS ช่วยหนุนดัชนี
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้
ประเมิน SET แกว่งตัว 1,675 – 1,695 จุด ดัชนีถูกแรงกดดันจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐหลังยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. -1.1% และการผลิตภาคอุตสาหกรรม -0.7% นอกจากนี้เจ้าหน้าที่เฟดยังสนับสนุนให้ขึ้นดอกเบี้ยต่อไปเพื่อฉุดเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย 2% อย่างไรก็ตามคาดว่าดัชนีจะสลับรีบาวด์ขึ้นได้จาก Fund flow ต่างชาติที่ยังไหลเข้าและแรงซื้อในหุ้นที่มีข่าวเฉพาะตัว
กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy
- AOT AAV BA CENTEL ERW MINT AWC SHR CPALL CRC CPN SPA CBG EKH MEGA KISS อานิสงส์จีนเปิดประเทศ
- MTC SAWAD KTC AEONTS THANI ASK KCE HANA อานิสงส์ Bond yield อ่อนตัวลง
- GPSC BGRIM GULF ROJNA อานิสงส์ราคาพลังงานลดลง, การปรับขึ้นค่า Ft และเงินบาทแข็งค่า
หุ้นแนะนำวันนี้
- MTC (ปิด 41.50 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 47 บาท) ได้ Sentiment บวกจาก Bond yield ลดลง ราคาหุ้นร่วงแรง 30% ในปีที่ผ่านมาสะท้อนปัจจัยลบต่างๆ ไปแล้ว กิจกรรม ศก.ในประเทศฟื้นตัวคาดหนุนกำไรกลับมาเพิ่มขึ้นในปีนี้
- ADVANC (ปิด 202 ซื้อ/เป้า 238 บาท) คาดกำไรสุทธิ 4Q22 ที่ 6,598 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 9%qoq แต่ -4%yoy และยังมี Sentiment บวกจากข่าวกสทช.ห้าม TRUE และ DTAC รวมคลื่นส่งผลให้ต้นทุนสู้ ADVANC ไม่ได้
บทวิเคราะห์วันนี้: AMATA (19.9 ซื้อ/เป้าใหม่ 27 เดิม 26), Thailand Strategy
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) ดาวโจนส์ร่วงแรงเจ้าหน้าที่เฟดหนุนเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ: ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ลดลง 614 จุด (-1.81%) ปิดที่ 33,297 จุด หลังจากที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ และนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ ออกมาเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่เฟดจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าระดับ 5% เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ 2%
(-) รมว.คลังสหรัฐเตือนสหรัฐเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ หลังจากหนี้สาธารณะใกล้ชนเพดาน: นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งขยายเพดานหนี้ ก่อนที่หนี้สินของสหรัฐจะแตะเพดานที่ระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ในวันนี้ (19 ม.ค.23) ส่งผลให้สหรัฐจะต้องผิดนัดชำระหนี้และปิดหน่วยงานราชการบางส่วน
(+/-) BoJ คงดอกเบี้ยและกรอบ yield curve control ตามคาด: คณะกรรมการนโยบายการเงิน (BoJ Meeting) มีมติให้คงดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.1% และคงกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ที่ +/- 0.5% ตามเดิม สะท้อน BoJ ยังผ่อนคลายนโยบายการเงิน
ข่าวในประเทศและต่างประเทศ
สรุปข่าวเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศ
ไทย
(+) บีโอไอ แย้มการประชุมบอร์ดอีวี วันที่ 23 ม.ค. 2566 นี้ จ่อเคาะมาตรการทางภาษี ส่งเสริมผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) แน่นอน
สหรัฐ
(+) ดัชนี PPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 6.2% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.8% หลังจากเพิ่มขึ้น 7.3% ในเดือนพ.ย.
(-) นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ และนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ ที่ออกมาเน้นย้ำถึงความจําเป็นที่เฟดจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงกว่า 5% เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมาย
ยุโรป
(+) ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีพุ่งขึ้นสู่ระดับ +16.9 ในเดือนม.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -15.0 จากระดับ -23.3 ในเดือนธ.ค.
เอเชีย
(+) อินโดนีเซีย ประกาศลดส่งออกน้ํามันปาล์ม คาดส่งผลดีต่อราคาปาล์มไทย
(+) ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเป็นพิเศษ รวมท้ังไม่ขยายกรอบการเคลื่อนไหว + -0.5% สําหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งตรงกันข้ามกับที่นักลงทุนคาดไว้ว่า BOJ จะยุติโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ หลังจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น