KS Daily View 19.01.2023 > เงินเฟ้อภาพรวมชะลอลงต่อเนื่อง ติดตาม Debt Ceiling สหรัฐวันนี้ SET คาดแกว่ง 1680-1691 จุด หุ้นแนะนำวันนี้ STEC, THANI
สรุปตลาดหุ้นเมื่อวาน
ในประเทศ: SET Index ปิด 1685.44 จุด(+0.26%) แกว่งตัวออกข้างแม้เมื่อวานจะได้ Sentiment บวกตามตลาดหุ้นฝั่งเอเซียที่ตอบรับข่าวผลการประชุม BOJ ออกมาคือ ไม่ได้ปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน (จากเดิมตลาดคาดจะยกเลิกนโยบาย Yield Curve Control) โดยหุ้นที่ขึ้นหนุนดัชนีหลักๆ คือ AOT +2.4%, DELTA +2.14%, BDMS+1.7%ฯลฯ ส่วนหุ้นที่กดดัชนีคือ KCE -2.5%, EA-1.7%, BH -1.9%ฯลฯ
ต่างประเทศ: ตลาดหุ้นสหรัฐพักฐานลงต่อดัชนี Dow Jones -1.81%, S&P500 -1.56%, Nasdaq -1.24% โดย Sector ในดัชนี S&P500 ของสหรัฐปรับลงทุก Sector หลักๆ คือกลุ่ม Consumer Staples -2.6%, กลุ่ม Utilities -2.4%, Industrials และ Financials -1.84%ฯลฯ โดยหุ้นสหรัฐปรับลงจากรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญคือ Retail sales สหรัฐ เดือน ธ.ค.ออกมาต่ำคาด -1.1%MoM, ดัชนีราคาฝั่งผู้ผลิต PPI เดือน ธ.ค. อยู่ที่ 6.2%YoY ต่ำคาดที่ 6.8% และชะลอจาก 7.3% ซึ่งตีความคือเงินเฟ้อได้ผ่อนคลาย แต่ตลาดเลือกจะให้น้ำหนักกับ
1.) ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาชะลอมากกว่า รวมถึงตอบรับ
2.) การแสดงความเห็นของนาย Jame Bullard และนาง Mester ประธาน Fed สาขาเซนต์หลุยส์ และสาขาคลีฟแลนด์ แสดงความเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงกว่า 5% เพื่อฉุดเงินเฟ้อ
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย:
เราประเมินตลาดหุ้นไทยช่วงที่เหลือของสัปดาห์คาดแกว่งในกรอบ 1680 -1700 จุด ยังมองตลาดจะโฟกัสรายประเด็นซึ่ง Key สำคัญคือวันนี้ ประเด็นเพดานหนี้สาธารณสหรัฐ(Debt Ceiling) โดยตลาดรอตามจะมีความเสี่ยงเกิด Goverment Shutdown และ 2 วันสุดท้ายของสัปดาห์นี้จะมีการแสดงความเห็นต่อมุมมองเรื่องดอกเบี้ยและเศรษฐกิจของประธาน Fed หลายสาขา อาทิ วันนี้ คือ Fed Collins และ Fed Brainard วันพรุ่งนี้ Fed Waller ส่วนในประเทศเชื่อว่าตลาดจะกลับมาโฟกัส การทยอยประกาศงบกลุ่มธนาคารซึ่งหลายบริษัทจะประกาศวันพรุ่งนี้ BBL, SCB เด่นสุด เพราะคาดกำไรจะเติบโตได้ทั้ง YOY และ QOQ และกลุ่ม Real sector จะประกาศสัปดาห์หน้า
ประเด็นอื่นๆ ในช่วงที่เหลือของเดือน ม.ค. คือ
1.) 23-27 ม.ค. ตลาดหุ้นในฝั่งเอเซียหยุดทำการหลายประเทศ โดยเฉพาะจีน, เกาหลีใต้, เวียดนาม เนื่องจากเป็นวันขึ้นปีใหม่ วันตรุษจีน ประเมินบวกต่อภาคการท่องเที่ยวไทย
2.) การประชุม กนง. 25 ม.ค.คาดมีการส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย (ปัจจุบันอยู่ที่ 1.25%) เนื่องจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว และ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าเร็วมากกว่า 13% จากปลายเดือน พ.ย. 2565 มองกลุ่มที่จะได้ sentiment บวกจากเรื่องนี้คือกลุ่ม Finance ชื่นชอบ THANI และโรงไฟฟ้า BGRIM, SSP ส่วนกลุ่มที่ได้ sentiment ลบคือ กลุ่มธนาคาร
Theme การลงทุนแนะนำ
1.) กลุ่มการเงิน ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยในต่างประเทศและในประเทศผ่านจุด Peak แนะนำกลุ่ม AMC คือ JMT, CHAYO กลุ่มเช่าซื้อรถบรรทุก THANI
2.) กลุ่ม Tech Consult ได้กระแสบวกตามต่างประเทศ /อัตราดอกเบี้ยผ่าน Peak/ กระแส Virtual Bank แนะนำ BE8, BBIK
3.) กลุ่มทีได้ประโยชน์จากราคาพลังงานปรับลงและเงินบาทแข็งค่าแรง แนะนำ โรงแรมในยุโรป SHR, โรงไฟฟ้า BGRIM SSP กลุ่มวัสดุก่อสร้าง TOA 4.)กลุ่มเสริมความงาม แนะนำ KLINIQ
ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ไม่เปลี่ยน ยังคงคาดแกว่งในกรอบเดิม 1680-1691 จุด
Top pick :
STEC (ราคาพื้นฐาน 20.3 บาท)
1.) เราชื่นชอบ STEC คาดกำไรจะเติบโตต่อเนื่องจาก backlog ก้อนใหญ่ ปัญหาขาดแคลนแรงงานที่เริ่มคลี่คลายลง และราคาวัสดุก่อสร้างที่ลดลง คาดว่าเมกะโปรเจกต์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในงวด 1Q23 ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมาถึง
2.) ราคาหุ้นปรับตัวลง 2.1% เทียบกับของ CK ที่เพิ่มขึ้น 7.3% และ SET Index ที่เพิ่มขึ้น 1.5% ปัจจุบันหุ้น STEC ซื้อขายที่ PER ปี 2566 ที่ 19.6 เท่า หรือเท่ากับ 0.4SD ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี
3.) ณ ราคาหุ้นปัจจุบันของ STEC มูลค่าหุ้นของ GULF ที่ STEC ถืออยู่คิดเป็น 35% ของราคาหุ้นปัจจุบัน
THANI (ราคาพื้นฐาน 5.25 บาท)
1.) คาดกำไรงวด 4Q22 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากอุปสงค์สินเชื่อที่แข็งแกร่งเนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการขายรถบรรทุก โดยเฉพาะรถบรรทุกใหม่ในไตรมาส 4 และความต้องการสินเชื่อสำหรับรถยนต์หรู (24% ของสินเชื่อรวม ณ 3Q22) ยังคงเพิ่มขึ้น
2.) THANI บริษัทการเงินที่ได้ประโยชน์จากภาพของทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาลงมากที่สุด
3.) คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีและมูลค่าหุ้นที่ไม่แพงมาก ราคาหุ้นในขณะนี้ซื้อขายอิงตาม PER และ PBV ปี 2566 ที่ 12.1 เท่า และ 1.87 เท่า ซึ่งถูกกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มการเงินที่ 15.3 เท่า (ไม่รวม NCAP) และ 2.1 เท่า
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันพฤหัสฯ ติดตามตัวเลขการส่งออก และนำเข้าญี่ปุ่นเดือน ธ.ค. คาด +10% YoY และ +24% YoY ตามลำดับ ตัวเลข Building Permits ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด +3.7% MoM เป็น 1.4mn ยูนิต ตัวเลข Housing Starts สหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด -1.9% MoM เป็น 1.4mn ยูนิต ตัวเลข Initial Jobless Claim สหรัฐฯ รายสัปดาห์คาด +212K (เทียบสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 205K) และปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ รายสัปดาห์
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อญี่ปุ่นเดือน ธ.ค. คาด +0.2% MoM และ +4% YoY อัตราดอกเบี้ย Loan Prime Rate ของจีน 1 ปี และ 5 ปี คาดคงดอกเบี้ยที่ 3.65% และ 4.3% ตามลำดับ และตัวเลข Existing Home Sales สหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด -2% MoMเป็น 4mn ยูนิต