บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +21.4%
Close Jan 19, 2023 Price 153.50
12M Target 187.00
KASIKORN BANK (KBANK) สำรองสูงกว่าคาดมาก กดดัน Sentiment ลงทุนในช่วงสั้น
Earnings Results
- KBANK รายงานกำไรสุทธิ 4Q65 จำนวน 3,191 ลบ. ลดลง 67.8%YoY และ 69.8%QoQ แย่กว่าที่เราและตลาดคาดไว้มาก
- ประเด็นลบหลักๆ เกิดจากการตั้งสำรองที่เร่งตัวขึ้นถึง 129.0%QoQ หรือคิดเป็น Credit Cost ที่ 3.7% สูงขึ้นมากจากระดับปกติที่ 1.5-1.6% เพื่อรองรับความเสี่ยงจากเศรษฐกิจ และเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ รวมถึงรองรับการขยายตัวของสินเชื่อในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น ขณะที่ NPL Ratio ปรับขึ้นเล็กน้อยเป็น 3.7% จาก 3.6% ใน 3Q65 ทำให้ Coverage Ratio ของ KBANK เพิ่มขึ้นเป็น 143.1% จาก 137.1% ใน 3Q65
- ในส่วนของกำไรก่อนการตั้งสำรองและหักภาษี (PPOP) ปรับขึ้นได้ดี 20.8%QoQ แม้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 15.30%QoQ ตามผลของฤดูกาล แต่ถูกชดเชยด้วย 1) รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิปรับขึ้น 9.2%QoQ หนุนจากทั้งพอร์ตสินเชื่อที่โต 1.3%QoQ และ NIM ที่เร่งตัวขึ้นเป็น 3.6% จาก 3.4% ใน 3Q65 หลังรับรู้ผลบวกจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ 2 ครั้ง ขณะที่ต้นทุนทางการเงินปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย 2) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยโตเด่น 53.3%QoQ หลังมีบันทึกกำไรจากการตีมูลค่าเงินลงทุนผ่านงบกำไรขาดทุน 4,675 ลบ. เพิ่มขึ้นมากจากเพียง 144 ลบ. ใน 3Q65 ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิปรับตัวลง 4.3%QoQ จากแรงกดดันของค่าธรรมเนียมในธุรกิจตลาดทุน ทำให้ KBANK มีกำไรสุทธิในปี 2565 จำนวน 35,769 ลบ. ลดลง 6%YoY
Our Take
- สำหรับมุมมองต่อแนวโน้มผลดำเนินงานปี 2566 คาดจะเห็นการฟื้นตัว หลังผ่านการตั้งสำรองจำนวนมากไปแล้วใน 4Q65 ขณะที่มีแรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่คาดปรับขึ้นได้ดี จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ต่อเนื่องมาจาก 2H65 ประกอบกับ KBANK มีแผนเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อ High Yield มากขึ้น โดยเฉพาะการปล่อยสินเชื่อผ่าน Digital Platformn ของทั้ง KPLUS และผ่านช่องทางพันธมิตรอย่าง LINEBK และ Shopee ซึ่งเน้นลูกค้ารายย่อยและกลุ่ม SSME เป็นหลัก ส่วนอัตราโตของสินเชื่อคาดขยายตัวขึ้นตามเศรษฐกิจในประเทศที่ได้อานิสงค์บวกจากการท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศที่คึกคักขึ้นมาก หนุนให้เราคาด KBANK จะมีกำไรสุทธิในปี 2566 จํานวน 48,187 ลบ. โต 34.7%YoY
- ช่วงสั้นเราคาดตลาดจะตอบรับเชิงลบกับผลประกอบการของ KBANK ที่ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดไว้มาก หลังบริษัทยกระดับ Coverage Ratio ขึ้นเป็น 143.1% ขณะที่ตัวเลข NPL และ ลูกหนี้ Stage 2 ไม่ได้ปรับขึ้นมาก สะท้อนความระมัดระวังของบริษัทที่เพิ่มขึ้น คาดบริษัทต้องการที่จะเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการปรับชั้นลูกหนี้ในปี 2566 ซึ่งจะมีการทำ Policy Normalization ก่อนที่มาตรการผ่อนปรนการจัดชั้นลูกหนี้ของ ธปท. จะสิ้นสุดในสิ้นปี 2566 นี้ อย่างไรก็ดี เรายังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นดังกล่าว ซึ่งคาดจะได้รับข้อมูลเพิ่มขึ้นในการประชุมนักวิเคราะห์เช้านี้ และการแถลงกลยุทธ์ปี 2566 ในวันที่ 27 ม.ค. นี้
- เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ KBANK โดยมองผลดำเนินงานมีแนวโน้มฟื้นตัวในปี 2566 นอกจากนี้ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 21.4% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2566 ที่ 187 บาท (ถึง Prospective PBV ที่ 0.8x) พร้อมคาดมีปันผลจากกำไร 2H65 อีกหุ้นละ 3.50 บาท คิดเป็น Div. Yield 2.3%