บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +33.3%
Close Jan 19, 2023 Price (THB) 16.50
12M Target (THB) 22.00
Previous Target (THB) 23.50
What’s new?
- เราคาดกำไรปกติ 4Q65 ที่ 1.79 ลบ. (17.8% 000, 9.2% YoY) ชะลอลงตามปัจจัยฤดูกาลที่เป็น Low Season ของการส่งออกและธุรกิจของ Red Lobster
- คาดแนวโน้มกำไรปกติ 1Q66 เบื้องต้นกลับมาเติบโตทั้ง QoQ และ YoY จากปริมาณขายที่เติบโต, แนวโน้มราคาต้นทุนที่ชะลอตัว และผลประกอบการของ RL ที่ฟื้นตัว
- คาดปันผลจ่ายงวดปี 2565 ที่ 0.50 บาทหุ้น คิดเป็น Dividend yield 3.0%
Our view
- เรามีมุมมองบวกต่อผลการดำเนินงานในปี 2566 ที่คาดจะพลิกกลับมาเติบโต YoY คาดกำไรปกติปี 2566 ที่ 7.5 พันลบ. (+70%YoY)
- เราปรับราคาเป้าหมายของ TU ลงเป็น 22.00 บาท จากการปรับลด PER ของธุรกิจอาหารทะเลเป็น 12.6 เท่า เทียบเท่ากับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีในอดีต -0.5 SD
- มองว่าราคานั้นปัจจุบันมองว่าอยู่ในโซนต่ำ และซื้อขายบน PER66 ต่ำเพียง 10.4 เท่า จึงคงคำแนะนำ ซื้อ
THAI UNION GROUP 4Q65 กําไรยังไม่เด่น … ปี 2566 ฟื้น
คาดกำโร 4Q65 ไม่เด่น แต่อยู่ในกรอบประมาณการของเรา
คาดกำไรปกติ 4Q65 ที่ 1.79 พันลบ. (-17.8%QoQ, -9.2%YoY) ชะลอลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลที่เป็นช่วง Low Season ของการส่งออกสินค้า และ Product mix ที่เปลี่ยน (กลุ่ม Frozen ที่มี GPM น้อยกว่ามีสัดส่วนสูงขึ้น) ประกอบกับค่าเงินบาทเทียบ USD ที่แข็งค่าขึ้น QoQ ทำให้ GPM คาดปรับลดลง QoQ แม้ต้นทุนการผลิตและบรรจุภัณฑ์จะเริ่มปรับลงก็ตาม ขณะที่กำไรเทียบ YoY คาดปรับลดลงจากฐานที่สูง และผลประกอบการของ Red Lobster ที่อ่อนแอจากภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และการไม่ได้รับรู้รายได้อื่น จากการถือหุ้นบุริมสิทธิ์ใน RL จาก 4Q64 ที่รับรู้อยู่ที่ 319 ลบ. อย่างไรก็ตาม หากเป็นไปตามคาดจะทำให้กำไรปกติปี 2565 อยู่ที่ 7.0 พันลบ. ใกล้เคียงกับประมาณการกำไรทั้งปีของเรา
ปี 2566 คาดกำไรปกติพลิกลับมาเติบโต YoY
เราคาดแนวโน้มกำไรปกติใน 1Q66 เบื้องต้นจะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY ได้จากปริมาณขายที่สูงขึ้นตามฤดูกาล และแนวโน้มต้นทุนการผลิต, บรรจุภัณฑ์ รวมถึงค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งที่ลดลง ช่วยชดเชยผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า นอกจากนี้บริษัทให้ข้อมูลว่าความเสี่ยงด้าน Recession ทั้งในสหรัฐฯ และยุโรปไม่ได้ส่งผลกระทบต่อ TU เนื่องจากคำสั่งซื้อปัจจุบันยังมีการเติบโต ประกอบกับการ IPO ของ ITC จะทำให้บริษัทมีเงินลงทุนสำหรับการขยายการเติบโตธุรกิจที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงได้มากขึ้น หนุนอัตรากำไรสุทธิของ TU ในปี 2566 ขณะที่ราคาขายสินค้าที่มีการปรับขึ้นในปี 2565 จะรับรู้ผลได้เต็มปีในปี 2566 หนุน GPM ให้สูงขึ้น นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าในการพัฒนาการดำเนินงานของ Red Lobster โดยเราคาดส่วนแบ่งกำไรจาก Red Lobster จะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญเป็นรับรู้ขาดทุน 500 ลบ. จากราว 1,000 ลบ ในปี 2565 โดยรวมเราคาดกำไรปกติปี 2566 ที่ 7.5 พันลบ. (17.0% YoY)
ปรับราคาเหมาะสม แต่ราคาหุ้นอยู่ในโซนถูกแล้ว คงคำแนะนำ ซื้อ
เรายังมีมุมมองเป็นบวกต่อผลการดำเนินงานระยะยาวของ TU แต่เราปรับลดราคาเหมาะสมลงจากการปรับลด PER ของธุรกิจอาหารทะเลจากเดิมที่ 14.3 เท่า เป็น 12.6 เท่า เทียบเท่ากับค่าเฉลี่ยย้อนหลังในอดีต -0.5 SD เพื่อเพิ่มความระมัดระวัง และสะท้อนความเสี่ยงของผลประกอบการจากแนวโน้มค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่า และภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และยุโรปที่ยังไม่แน่นอน ทำให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ ณ สิ้นปี 2566 อยู่ที่ 22.00 บาท (อิงวิธี SOTP) เทียบเท่า PER66 ที่ 13.9 เท่า มี Upside gain 33.3% และราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER66 เพียง 10.4 เท่า มองว่าอยู่ในโซนถูกแล้ว จึงคงคำแนะนำ ซื้อ เชิงกลยุทธ์แนะนำหาจังหวะเข้าสะสมในช่วงที่ค่าเงินบาทเทียบ USD มีแนวโน้มทรงตัว หรือพลิกกลับมาอ่อนค่า นอกจากนี้เราคาดปันผลจ่ายงวดปี 2565 ที่ 0.50 บาท หรือคิดเป็น Dividend yield 3.0%