บล.บัวหลวง:
Transportation – การกลับมาของนักท่องเที่ยวแดนมังกร (OVERWEIGHT)
การฟื้นตัวของจํานวนนักท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งจะกลบผลกระทบของราคาพลังงานที่สูงขึ้นมาก (ทั้งราคาน้ำมันและไฟฟ้า) กำไรของหุ้นกลุ่มขนส่งจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตลอดจนไตรมาส 1/66 โดยเราชอบ AAV มากที่สุดสำหรับธีมการเปิดประเทศจีน
นักท่องเที่ยวจีนกำลังกลับมา!
การเปิดประเทศจีนอีกครั้ง ทำให้ประชาชนสามารถกลับเข้าประเทศได้ง่ายขึ้น หลังจากเดินทางมาต่างประเทศ (การกักตัวก่อนเข้าประเทศถูกยกเลิกแล้ว) เราคาดว่าจะเห็นนักท่องเที่ยวจีน 3 แสนรายเดินทางมายังประเทศไทยในช่วง ไตรมาส 1/66 และมากกว่า 1 ล้านรายในไตรมาส 2/66 ซึ่งน่าจะมีโมเมนตัมไปในครึ่งหลังของปี 2566 ดังนั้นจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนอาจจะแตะระดับ 5 ล้านคนได้ในปี 2566 และจํานวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมายังประเทศไทยรวมในปี 2566 น่าจะอยู่ที่ราว 25 ล้านราย (63% ของช่วงก่อนโควิด)
AAV จะรายงานกำไรในไตรมาส 4/65 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 1/62
ขณะที่อุปสงค์กำลังปรับตัวดีขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แต่อุปทานจากสายการบินปรับตัวขึ้นในอัตราที่ช้ากว่า ดังนั้นราคาค่าตั๋วจึงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยในครึ่งแรกของปี 2566 ผลกระทบจากราคาเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นน่าจะถูกชดเชยบางส่วนได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมน้ำมัน (โดยการรวมต้นทุนเชื้อเพลิงบางส่วนเข้าไปในราคาตั๋วเครื่องบิน) เราคาดการณ์เชิงอนุรักษ์นิยมว่า AAV จะรายงานขาดทุนหลักในไตรมาส 4/65 ที่ 1,328 ล้านบาท ติดลบมากขึ้น 21% YoY (การถือสัดส่วนใน Thai AirAsia ที่มากขึ้น) และ 13% QoQ (เราคาดเครดิตภาษีที่ลดลง) อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทที่แข็งค่าเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในช่วงไตรมาส 4/65 น่าจะส่งผลให้ AAV รายงานกําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจํานวนมาก ดังนั้นเราคาดกำไรสุทธิในไตรมาสนี้ที่ 1,882 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการรายงานกำไรครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 1/62
การฟื้นตัวของการขนส่งภาคพื้นดินที่แข็งแกร่ง…
นอกจากการเดินทางที่มากจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว (โรงแรม ร้านอาหาร บาร์ ฯลฯ) ก็จะกลับมาให้บริการ หนุนให้เกิดการใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้นจากพนักงานของกิจการดังกล่าว และหลายบริษัทได้เริ่มยกเลิกการนโยบายทำงานจากที่บ้านแล้ว ซึ่งจะหนุนต่อปริมาณการใช้ระบบขนส่งมวลชน นอกจากนี้การเปิดสถานีใหม่ๆ (สายสีชมพูและเหลือง) จะหนุนให้จำนวนผู้โดยสารบนรถไฟฟ้าทั้ง BTS และ MRT สูงขึ้น ในปี 2566
…จะกลบผลกระทบของราคาพลังงานที่สูงขึ้น เราคาด BEM จะรายงานกําไรหลักไตรมาส 4/65 ที่ 543 ล้านบาท เติบโต 45%
YoY (การฟื้นตัวของผู้ใช้ทางด่วนและ MRT ที่แข็งแกร่ง) แต่ลดลง 37% QoQ (ไม่มีเงินปันผลจาก TTW) เราคาดการณ์กำไรหลักไตรมาส 3/65 (เดือน ต.ค. – ธ.ค. 2565) ของ BTS ที่ 565 ล้านบาท ลดลง 47% YoY (รายได้จากงาน E&M ที่น้อยลง) แต่เพิ่มขึ้น 56% QoQ (ผลกระทบจากโควิดที่คลี่คลายและการขาดทุนที่ลดของ KEX) หากมองต่อไปอีก เราคาดการใช้ระบบขนส่งสาธารณะที่มากขึ้นจะกลบผลกระทบจากราคาไฟฟ้าที่สูงขึ้น (จาก 4 บาทต่อหน่วย สําหรับเดือน พ.ค. – ส.ค. 2565 ไปเป็น 4.72 บาทต่อหน่วย สําหรับเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2565 และ 5.33 บาทต่อหน่วย สําหรับเดือน ม.ค. – เม.ย. 2566)