บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +32.7%

Close Jan 20, 2023 Price 108.50

12M Target 144.00

SCB X (SCB) 1Q66 คาดกำไรฟื้น หลังค่าใช้จ่ายลด และรับรู้รายได้ธุรกิจใหม่

Earnings Results

  • SCB รายงานกำไรสุทธิ 4Q65 ที่ 7,143 ลบ. ลดลง 9.3%YoY และ 30.7%QoQ แย่กว่าที่เราและตลาดคาด 32.1% และ 28.8% ตามลำดับ
  • ประเด็นกดดันหลักๆ มาจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เร่งตัวขึ้นมากกว่าคาดที่ 23.1%QoQ จากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการทำตลาด และจัดโปรโมชั่นของธุรกิจใหม่, ค่าใช้จ่ายจัดตั้งบริษัทย่อย และการลงทุนด้านระบบ IT ทำให้ Cost to Income Ratio สูงขึ้นเป็น 54.5% จากระดับปกติ ที่ 42-44% นอกจากนี้รายได้ค่าธรรมเนียมยังลดลง 10.8%QoQ แย่กว่าคาด จากธุรกิจ Wealth และธุรกิจนายหน้าประกันที่ชะลอตัวลง
  • อย่างไรก็ดี ในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิปรับขึ้นดี 5.9%QoQ หนุนจากทั้ง NIM ที่สูงขึ้นเป็น 3.6% จาก 3.4% ใน 3Q65 สอดรับกับผลของการปรับขึ้นดอกเบี้ยสินเชื่อในทุกกลุ่มลูกค้า 2 ครั้ง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากทรงตัวที่ใกล้เคียงเดิม นอกจากนี้พอร์ตสินเชื่อยังโต 1.4%QoQ จากการขยายสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อบริษัทขนาดใหญ่ โดยบริษัทยังคงใช้นโยบายปล่อยสินเชื่อแบบ Selective เพื่อลดความเสี่ยง
  • NPL Ratio ทรงตัว QoQ สะท้อนความสามารถในการบริหารจัดการลูกหนี้ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทเริ่มผ่อนคลายการตั้งสำรองลง 8.7%QoQ ทำให้ Coverage Ratio ลดลงเหลือ 152.7% จาก 157.6% ใน 3Q65 ขณะที่ค่าใช้จ่ายภาษีลดลง 29.4%QoQ หลังบันทึกภาษีจากการโอนธุรกิจไปมากแล้วใน 3Q65 ทำให้ทั้งปี 2565 SCB มีกำไรสุทธิ 37,546 ลบ. โต 5.5%YoY

Our Take

  • สำหรับปี 2566 เรามองว่า SCB จะมีพัฒนาการเชิงบวกมากขึ้น หลังเห็นความคืบหน้าของการรุกธุรกิจในกลุ่ม Consumer Finance (Gen 2) และกลุ่มเทคโนโลยีมากขึ้น (Gen 3) ซึ่งคาดจะมีอัตราโตโดดเด่นในปีนี้ หลังที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติให้ SCB สามารถออกตราสารหนี้มูลค่ารวม 100,000 ลบ. ภายใน 5 ปี เพื่อขยายธุรกิจใหม่ๆ
  • โดยบริษัทตั้งเป้าอัตราโตของสินเชื่อรวมปีนี้ที่ 5-8% (เราคาดที่ 3%) หลักๆ จากฝั่งธุรกิจ Gen 2 ที่จะเห็นการเติบโตทั้งในส่วนของ CardX ที่จะเริ่มนำ AI และ Data Analytic มาช่วยในการนำเสนอสินเชื่อและจัดการระบบตามหนี้ รวมถึงเตรียมเปิดให้บริการ Buy Now Pay Later ในปีนี้ (JV ร่วมกับ Akulaku ผู้นำด้าน Digital Platform ในอินโดนีเซีย), Autox ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อเพิ่มเป็น 3.5 หมื่นลบ. ในปีนี้จาก 7.5 พันลบ. ใน 2565 ส่วนธุรกิจเทคโนโลยีเริ่มมีแผนจะลด Cash burn เพื่อรักษาระดับผลดำเนินงานไม่ให้เป็นภาระต่องบการเงินมากจนเกินไป ส่วนธุรกิจธนาคาร (Gen 1) จะเน้นขยายสินเชื่อเชิงระมัดระวังเช่นเดิม แต่จะเริ่มพัฒนาธุรกิจ Wealth ให้แข็งแรงขึ้น รวมถึงพยายามขยายฐานผู้ใช้ Digital Platform
  • ฝั่งของค่าใช้จ่าย บริษัทตั้งเป้า Cost to Income Ratio ที่ Mid 40% ใกล้เคียงกับประมาณการของเรา โดยแม้จะมีค่าใช้จ่ายของธุรกิจใหม่เข้ามา แต่จะไม่มีค่าใช้จ่ายปรับโครงสร้างธุรกิจเหมือนในปี 2565 (ราว 2-2.5 พันลบ.) ทำให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมไม่ได้เร่งตัวขึ้นจากเดิมมากนัก
  • การตั้งสำรองผู้บริหารมองว่าปัจจุบันเศรษฐกิจในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น และลูกหนี้ในพอร์ตยังมีความสามารถในการชำระเงินคืนอยู่ในเกณฑ์ดี ทำให้ตั้งเป้าที่จะลดระดับ Credit Cost ลงเหลือ 120-140 bps จาก 145 bps ในปี 2565 (เราคาดที่ 138 bps) ถือเป็นสัญญาณเชิงบวก หนุนให้เราคงคาด SCB จะมีกำไรสุทธิในปี 2566 ที่ 47,528 ลบ. โต 26.6%YoY
  • เราคงมอง SCB เป็นธนาคารใหญ่ที่มีพัฒนาการน่าสนใจ จากการรุกธุรกิจใหม่ที่จะช่วยหนุนให้ NIM ในระยะยาวสามารถขยายตัวได้ดีกว่าธนาคารอื่น ขณะที่ราคาหุ้นปรับลงจนมี Upside 32.7% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2566 เดิมที่ 144 บาท (อิง Prospective PBV ที่ 1x) ส่วนปันผล 2465 คาดจ่ายที่ 2.9 บาท คิดเป็น Div. Yield 2.7% จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
- Advertisement -