ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

แกว่งตัวขึ้นต่อ ปัจจัยต่างประเทศหนุนตลาดมากขึ้น

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันอังคาร แกว่งตัวขึ้นต่อ…. หลังจากเมื่อวานนี้ แรงซื้อกลับในหุ้นกลุ่มการบริโภค + กลุ่มท่องเที่ยว ผนวกกับฟันด์โฟลว์ต่างชาติที่กลับมาเป็นขาซื้อสุทธิ หนุนจิตวิทยาตลาดหุ้น… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมต่อตลาดหุ้นยังคงเป็นบวก กล่าวคือ i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวต่อ หลังจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่า ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยเหลือเพียง 0.25% สู่ระดับ 4.75% ในการประชุมวันที่ 1 ก.พ. นี้ และระดับสูงสุดของดอกเบี้ยเฟดน่าจะอยู่ที่ 5.00% อิงสัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์ล่าสุด ii) ดัชนีค่าเงินดอลล่าร์ฯ ทรงตัวในเชิงอ่อนค่า หลังจากมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ธ.กลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่ายุโรปน่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุม วันที่ 2 ก.พ. ซึ่งหมายความว่าแนวโน้มดอกเบี้ยในยุโรปจะปรับขึ้นแรงกว่าสหรัฐฯ ในระยะหลายเดือนจากนี้ ด้านปัจจัยภายในประเทศ ประเด็นข่าวบวกเกี่ยวกับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจีนในช่วงเทศกาลตรุษจีน น่าจะยังหนุน performance ของหุ้นกลุ่มการบริโภค และกลุ่มเชื่อมโยงการท่องเที่ยวจากจีนต่อไป

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร KTB*, TOP*, GLOBAL*

  • KTB* (เป้าพื้นฐาน 19.4 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 17.6 บาท / กรณียืนเหนือแนวราคา 17.8 บาทได้ ประเมินมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นทดสอบกรอบแนวต้าน 18.1 – 18.4 บาท และกรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินแนวต้านถัดไป 19.2 บาท (Stop loss 17.2 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจาก i) แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ii) โอกาสการต่อยอดทางธุรกิจจากฐานลูกค้าจำนวนมาก ผ่าน “แอพฯ เป๋าตัง” iii) ความเสี่ยงด้าน NPL ต่ำ เนื่องจากเน้นการปล่อยสินเชื่อภาครัฐและลูกค้าองค์กร (ความเสี่ยงต่ำกว่าธนาคารที่เน้นลูกค้า SME และรายย่อย) 3) ประเมินมีแรงซื้อคืน จากนักลงทุนที่ขายทำกำไรไปก่อนหน้า เนื่องจากคาดใกล้ประกาศปันผลประจำปี โดยฝ่ายวิจัยฯ คาดจะจ่าย ปันผลปี 2565 = 0.68 บาท/หุ้น (Yield 3.8%) 4) PBV ยังต่ำเพียง 0.68 เท่า
  • TOP* (เป้าพื้นฐาน 69 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 58.0 บาท / แนวต้าน 59 บาท กรณีราคาปิดยืนเหนือแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบกรอบแนวต้าน 62 – 63 บาท (Stop loss 56 บาท) 2) ประเมินค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นมาก เป็นผลจากความต้องการใช้น้ำมันที่คาดจะเพิ่มขึ้นมากจากการที่จีนเปิดประเทศ โดยล่าสุด GRM สิงคโปร์อยู่ที่ 10.2 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล (สูงกว่าค่าเฉลี่ย 4Q65 ที่ 6.4 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล) … ดูบทวิเคราะห์ Commodities update วันนี้เพิ่มเติม 3) คาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน 1Q66 จะดีขึ้น QoQ เนื่องจากค่าการกลั่นที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงการขาดทุนสต๊อกน้ำมันลดลง (ราคาน้ำมันในไตรมาสนี้เริ่มทรงตัว) 4) PBV ยังต่ำที่ 0.84 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตราว 1.1 เท่า)
  • GLOBAL* (เป้าพื้นฐาน 24.4 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 20.4 บาท / แนวต้าน 21.1 – 21.5 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสฟื้นตัวทดสอบแนวต้าน 22.3 บาท (Stop loss 20.2 บาท) 2) ประเมินราคาหุ้นพักฐานจากการขายทำกำไร ขณะที่ฝ่ายวิจัยฯคาดอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Same store sales growth: SSSG) จะฟื้นตัวเป็นบวกต่อเนื่องใน 4Q65 และเราคาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน 1H66 ได้แรงหนุนจาก i) อุตสาหกรรมอสังหาฯ ที่ฟื้นตัว ii) การ Renovate ของผู้ประกอบการฯ เพื่อรองรับการท่องเที่ยว iii) สาขาในต่างประเทศรับอานิสงค์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน 3) Forward PE 26 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ราว 28 เท่า

หุ้นมีข่าว

(+) UV ทุ่มงบกว่า 405 ล้านบาท ซื้อหุ้น STI เพิ่ม แตะ38.12% (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) บอร์ด “ยูนิ เวนเจอร์” ไฟเขียวให้ “ยูนิเวนเจอร์ แคปปิตอล” ทุ่มงบ 405.22 ล้านบาท ซื้อหุ้นบริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) เพิ่มอีก 72.36 ล้านหุ้น ดันหุ้นในมือแตะ 229.86 ล้านหุ้น หรือ 38.12%

(+ กลุ่มรับเหมาฯ / วัสดุก่อสร้าง) ซึ่งงบ 67 พัฒนาโลจิสติกส์ 2.4 แสนล. (ไทยโพสต์) “อนุทิน” นั่งหัวโต๊ะ ไฟเขียวร่างงบประมาณปี 67 กว่า 2.44 แสนล้านบาท ดันโครงการลงทุนทุกมิติ หนุนแผนระบบขนส่ง คมนาคม เร่งสรุปผลงบประมาณรายจ่าย ซึ่งสำนักงบประมาณภายใน 27 ม.ค.นี้

(+ BBGI, GGC) ลดเงื่อนไขส่งออกน้ำมันปาล์ม สต๊อก 2.5 แสนตันส่งออกได้เลย (ไทยรัฐ) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการบริหารจัดการสมดุลน้ำมันปาล์ม ที่มีอธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน ได้พิจารณาสนับสนุนการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ โดยปรับเงื่อนไขการส่งออกใหม่ เป็นสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) ในประเทศมีปริมาณ 250,000-300,000 ตัน ก็ให้ส่งออกได้ และจะได้รับการอุดหนุนกิโลกรัม (กก.) ละ 2 บาท จากเดิมที่กำหนดสต๊อก 300,000 ตันขึ้นไป ส่วนเงื่อนไขราคาน้ำมันปาล์มต่างประเทศต้องถูกกว่าในประเทศจึงจะส่งออกได้นั้นยังคงเดิมเพื่อเร่งรัดการส่งออก และดึงราคาให้สูงขึ้น

(+) SPALI* รุกสนั่นอสังหา ผุด 4.1 หมื่นล.นิวไฮ (ทันหุ้น) SPALI* ลั่นถึงเวลาอสังหากำลังซื้อฟื้น ต่างชาติเข้า วางแผนรุกหนักปีนี้ ประกาศผุด 37 โครงการใหม่ สูง 4.1 หมื่นล้านบาท ขยายสู่ 5 จังหวัด ใหม่ เป้ายอดขาย-รายได้ทำสถิติสูงสุดใหม่แตะ 3.6 หมื่นล้านบาท แบ็กล็อกแน่น 2 หมื่นล้านบาท มีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมขายรับดีมานด์กว่า 2.2 หมื่นล้านบาท

(- EA, GPSC) การประชุมบอร์ด EV ที่จะเกิดขึ้นวันนี้ (23 ม.ค. 66) ถูกเลื่อนอีกครั้ง (จากที่ก่อนหน้านี้เลื่อนมาแล้วหลายครั้ง) เนื่องจากกระทรวงอุตสาหกรรมยังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอมาตรการของกรมสรรพสามิตในบางข้อ (มาตรการจะสนุบสนุนตั้งแต่ระดับ Cell > Module > Pack) เบื้องต้นคาดจะนัดประชุมใหม่ในเดือน ก.พ. และคาดจะทันรัฐบาลชุดปัจจุบัน (Source: Kaohoon)

ความเห็น: เรามองเป็น sentiment ลบ โดยเฉพาะบริษัทที่รับจ้างผลิตแบตฯ ในไทย (OEM) อย่าง EA (Not rated) และ GPSC (OP, TP80.00) ในด้านผู้ผลิตแบตฯ หากมาตรการยิ่งล่าช้าออกไป จะทำให้เงินสนับสนุนที่จะได้รับอาจล่าช้าตามไปด้วย ขณะเดียวกันฝั่งของ demand แบตฯ ก็อาจจะไม่มากอย่างที่คาดการณ์กันไว้ในระยะยาว เพราะผู้ผลิตยานยนต์และนักลงทุนอาจลังเล และตัดสินใจเข้าไปลงทุนในประเทศอื่นๆ ที่มาตรการสนับสนุนชัดเจน+จูงใจมากกว่า จนไทยอาจไปไม่ถึงเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางด้าน EV สำคัญของโลก

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • แนะนํา “Let profit run” โดยกําหนด Trailing stop: TISCO* (Trailing stop 101.5 บาท)
  • BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 32 บาท / แนวต้าน 33-34 บาท (Trailing stop 31.5 บาท)
  • SHR (เป้าพื้นฐาน 6.1 บาท) แนวรับ 4.42 บาท / แนวต้าน 4.54-4.80 บาท (Stop loss 4.28 บาท)
  • BBGI (เป้าพื้นฐาน 8.1 บาท) แนวรับ 6.80 บาท / แนวต้าน 7.15-7.40 บาท (Stop loss 6.65 บาท)
  • LEO (เป้า Consensus 14.1 บาท) แนวรับ 12.5 บาท / แนวต้าน 12.9-13.1 บาท (Stop loss 12.4 บาท)
  • ADVANC* (เป้า IAA Consensus 235 บาท) แนวรับ 200 บาท / แนวต้าน 204-207 บาท (Stop loss 199 บาท)
  • BDMS* (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 29.75 บาท / แนวต้าน 31.0-32.0 บาท (Stop loss 29.5 บาท)
  • OR* (เป้าพื้นฐาน 33.5 บาท) แนวรับ 23.5 บาท / แนวต้าน 23.8-24.0 บาท (Stop loss 23.5 บาท)
  • BJC* (เป้า Consensus 38.7 บาท) แนวรับ 36.0 บาท / แนวต้าน 37.5-40.0 บาท (Stop loss 35.5 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • PTG* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 17 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดจะรายงานผลขาดทุน 25 ล้านบาทใน 4Q65 (พลิกขาดทุน QoQ, แต่ขาดทุนลดลงเทียบ YoY) โดยค่าการตลาดในไตรมาสนี้คาดเท่ากับ 1.55 บาท/ลิตร (-22% QoQ, +23% YoY) ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ฝ่ายวิจัยฯปรับลดประมาณการฯ และราคาเป้าหมายลงเป็น 17 บาท (เดิม 20 บาท) แต่ยังคงแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากคาดการเปิดประเทศในปีนี้เต็มปีจะหนุนผลการดำเนินงานให้โต 64% YoY เป็น 1.5 พันล้านบาท
  • IRPC* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 3.1 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดจะรายงนผลขาดทุน -6.9 พันล้านบาท ใน 4Q65 (ขาดทุนเพิ่มขึ้น QoQ, พลิกจากที่เคยกำไรเทียบ YoY) โดยคาดไตรมาสนี้จะมีผลขาดทุนสต๊อกจํานวนมาก รวมทั้ง Spread ปิโตรเคมี (PP และ ABS) ที่อ่อนแอ ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ คาด Spread แตะจุดต่ำสุดแล้วใน 4Q65 แต่คาดปีนี้กำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นจะกดดัน Spread ทั้งปี จึงแนะนำเพียง “ถือ”

Strategic SET Daily

ภาพรวมตลาดหุ้นเช้านี้: คาดดัชนีปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1690-1695

  • ดัชนี SET index เมื่อวานนี้: ดัชนีแกว่งปรับตัวขึ้น จากแรงซื้อเด่นหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ ค้าปลีก และธนาคาร
  • ภาพรวมดัชนี SET index เช้านี้: คาดดัชนีปรับขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1690-1695 ซึ่งเป็นแนวต้านที่ทดสอบแล้วหลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถผ่านได้ จึงทำให้ดัชนีไม่สามารถทำ high ที่สูงขึ้น ส่งผลให้ดัชนีเริ่มฟอร์มตัวเป็นกรอบ downtrend วันนี้มองว่าหากดัชนีย่อตัวระยะสั้นไม่หลุด 1675-1680 อาจมีโมเมนตัมส่งให้ดัชนีปรับขึ้นและผ่านแนวต้านบริเวณ 1690-1695 ได้ และมองบริเวณ 1675-1680 เป็นบริเวณทยอยสะสมหุ้น
  • กรณีผิดคาด หากย่อแรงจนหลุด 1670 แนะนำลดพอร์ตการลงทุน
  • แนวรับเช้านี้: 1670/1680 แนวต้านเช้านี้ 1695/1710

แนะนำ 3 หุ้นเด่นทางเทคนิค

หมายเหตุ: 1.* บริษัทอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์บนหลักทรัพย์นี้ / 2. เป้าพื้นฐาน หมายถึง ราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน (Forecasted 12M Target price) ที่อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานฉบับล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯ / 3. เป้า Consensus หมายถึง ค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐานที่จัดทำโดย Bloomberg consensus หรือ IAA Consensus

- Advertisement -