บล.บัวหลวง:
AUTO – ยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยในเดือนธันวาคม 2565 และทั้งปี 2565
What’s new?
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) รายงานจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์ เดือนธันวาคม 2565 และทั้งปี 2565
Highlights:
- ในเดือนธันวาคม ยอดผลิตรถยนต์ทั้งหมด 158,606 คัน เพิ่มขึ้น 2.75% YoY เพราะได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้น แต่ลดลง 16.59% MoM เนื่องจากเดือนธันวาคมมีวันหยุดเยอะ ส่วนยอดผลิตทั้งปีอยู่ที่ 1,883,515 คัน เพิ่มขึ้น 11.73% YoY
- ในเดือนธันวาคม ยอดผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกทั้งหมด 85,766 คัน เพิ่มขึ้น 10.53% YoY แต่ลดลง 20.10% MoM และยอดผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายในประเทศทั้งหมด 72,840 คัน ลดลง 5.13% YoY และ 13.62% MoM
- ยอดขายรถยนต์ในประเทศทั้งหมด 82,799 คัน ลดลง 9.02% YoY เพราะการผลิตลดลงจากการขาดชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ของรถยนต์บางรุ่น และปัญหาน้ำท่วมบางพื้นที่ ทั้งๆที่เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามากว่าสิบล้านคน มีการลงทุนการจ้างงานเพิ่มขึ้นตลอด แต่เพิ่มขึ้น 21.26% MoM ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยอดส่งออกรถยนต์ทั้งหมด 111,605 คัน เพิ่มขึ้น 10.17% YoY และ 26.85% MoM
- ยอด EV จดทะเบียนใหม่ มี BEV 2,680 คัน (เพิ่มขึ้น 458.33 % YoY แต่ลดลง 6.88% MoM คิดเป็น 3% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด) HEV 4,098 คัน (เพิ่มขึ้น 82.46 % YoY แต่ลดลง 19.49% MoM คิดเป็น 5% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด) และ PHEV 679 คัน (เพิ่มขึ้น 22.78 % YoY แต่ลดลง 29.34% MoM คิดเป็น 1% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด)
- สอท. ได้เปิดเผยเป้าหมายปี 2566 อย่างเป็นทางการ คาดจะมีกำลังการผลิตรถยนต์ 1.95 ล้านคัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.53% YoY โดยน้อยกว่าช่วงก่อนโควิดในปี 2019 เพียง 3% คิดเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 1.05 ล้านคัน และการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 9 แสนคัน เนื่องจากการที่ไทยเป็นฐานการผลิตรถกระบะ ทางสอท.มองว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวมากนัก (หากมีภาวะเศรษฐกิจเกิดการชะลอตัวลงจริง สอท.อาจมีการปรับตัวเลขอีกทีตอนกลางปี) และการที่จีนเปิดประเทศจะเป็นผลดีต่อการท่องเที่ยวและการส่งออก นอกจากนี้ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ก็คลี่คลายลง ทางสอท.คาดว่าปัญหาจะหมดไปในปี 2569 แต่ยังมีปัจจัยลบด้านปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การขึ้นดอกเบี้ยของ FED การจัดทำ FTA ยังไม่มีความคืบหน้า และเงินบาทแข็งค่า และไทยจะเริ่มมีการส่งออก EV ในปีนี้
View From Fundamental:
เรามีมุมมองออกมาเป็นกลาง เป้าหมายการผลิต 1.95 ล้านคัน ซึ่งสอดคล้องกับประมาณการคร่าวๆก่อนหน้านี้ของสอท.ที่ 1.85-1.95 ล้านคัน และทาง AH กับ SAT เองก็มองการเติบโตในระดับเดียวกัน ทั้งนี้ ยังคงต้องเฝ้าจับตาเศรษฐกิจโลกว่าจะมีผลกระทบอย่างไร โดยเรามีมุมมองเช่นเดียวกับสอท.ว่าการที่ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถกระบะนับว่าทำให้ลดความเสี่ยงได้ในระดับนึง เช่น อิซูซุยังคงมี back order มาก ยังต้องผลิตตามออเดอร์เหล่านี้ไปตลอดทั้งปี 2023 และทั้ง AH และ SAT จะสามารถเติบโตได้มากกว่าอุตสาหกรรมจากออเดอร์ใหม่ๆ โดยเรามองว่ากำไรปี 2023 ของ AH และ SAT จะเติบโต 18% และ 9% ตามลำดับ เรายังคงชอบ AH มากกว่าจากคำสั่งซื้อใหม่หลากหลายออเดอร์ ทั้งจาก Ford และ Vinfast
