Daily Focus: Selective and Earnings Play
2023SET Target: 1750
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ฟื้นตัวขึ้นทดสอบบริเวณ 1,690 จุดได้ตามคาด ก่อนจะเริ่มมีแรงขายออกมาและทำให้ดัชนีอ่อนตัวลงมาปิดลบเล็กน้อย 1.10 จุด ณ สิ้นวัน สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้น 782 ลบ.และ 903 ลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติพลิกกลับมา Short Index Futures 7.4 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,675-1,690 จุด โดยขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มชะลอความร้อนแรงหลังปรับขึ้นดีในช่วง 2 วันก่อนหน้า โดยผลประกอบการบจ.ออกมาผสมผสาน ตลาดยังคงประเมินความเสี่ยง Recession จากตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศ ล่าสุด PMI เดือน ม.ค. ยูโรโซนและ สหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัวขึ้นได้บ้างแต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ในเดือนถัดๆ ไป ส่วนปัจจัยใน ประเทศที่ต้องติดตามวันนี้คือการประชุมกนง. เราคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 1.50% และต้องติดตามว่าจะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวหรือไม่ หลังจีนเปิดประเทศ รวมถึงการส่งสัญญาณต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ย ในระยะถัดไป หลังค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ด้านผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนฝั่ง Real Sector จะทยอยประกาศออกมาต่อเนื่อง เริ่มจากหุ้นขนาดใหญ่ ก่อนจะออกมาหนาแน่นในช่วงกลางเดือน ก.พ. โดยรวมคาดโต q-q หนุนจากกลุ่มพลังงานเป็นหลัก รวมถึงกลุ่ม Domestic/Reopening ที่ฟื้นตัวตามภาพเศรษฐกิจ จึงมองจังหวะพักตัวเป็นโอกาสทยอยสะสม ระยะสั้นเน้นเก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 4Q22 แข็งแรง
กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้น 4Q22 แข็งแกร่ง // ระยะกลาง-ยาวสะสม Domestic และ Reopening Play ช่วงพักตัว
หุ้นเด่นเดือน ม.ค. : AAV, BCP, CENTEL, M, MAKRO
หุ้นเด่นวันนี้ : CENTEL
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 58 บาท
- คาด 4Q22 พลิกมีกำไร 325 ลบ.จากขาดทุนใน 3Q22 และ 4Q21 หนุนจากทั้งธุรกิจ โรงแรมที่คาด RevPar ฟื้นตัวแรงเข้าใกล้ช่วงก่อน COVID-19 ตามการเปิดประเทศ ขณะที่ธุรกิจอาหารมี SSSG เป็นบวกแข็งแรงต่อเนื่องจากการบริโภคที่ฟื้นตัว
- เราคาดผลการดำเนินงานปี 2022 พลิกมีกำไรได้ 225 ลบ. ขณะที่แนวโน้มปี 2023 คาดเร่งตัวอย่างมีนัยยะโดยคาดกำไร +850% y-y จากการเปิดประเทศเต็มปี และมี Catalyst บวกจากเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เริ่ม ก.พ. นี้
- แนวรับ 49.50-49//48 บาท แนวต้าน 52-52.50//55 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงเบาบางต่อเนื่อง หลายตลาดยังปิดทำการเนื่องในเทศกาลตรุษจีน ส่วนประเทศในอาเซียนที่เปิด เม็ดเงินไหลออกจากไทยสูงสุด US$28 ล้าน ขณะที่อินโดนีเซียไหลเข้าบาง US$10 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนยังผสมผสานรอดูตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ปลายสัปดาห์ แต่มีโอกาสไหลเข้าเกาหลีใต้ที่กลับมาเปิดทำการวันนี้
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) ส่งออกไทยเดือน ธ.ค. ต่ำกว่าคาด -14.6% y-y แย่กว่าตลาดคาดที่ -11.5% y-y การนำเข้าอยู่ที่ -12% y-y ต่ำกว่าคาดที่ -8% y-y ส่งผลให้เดือน ธ.ค. ขาดดุลการค้า US$1.03 พันล้าน จบปี 2022 ส่งออกไทย +5.5% y-y นำเข้า +13.6% y-y ขาด ดุลการค้า US$1.6 หมื่นล้าน ปัจจัยหลักๆ เกิดจากราคาพลังงานที่สูง สินค้าที่หดตัวเดือน ธ.ค. ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ คอมพิวเตอร์ แผงวงจร เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ เป็นต้น ส่วนสินค้าที่ยังเติบโตดีคือ อาหาร ไก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ โดยรวมสอดคล้องกับที่เรา ประเมินว่าหุ้นกลุ่มส่งออกยังขาดปัจจัยบวกและถูกกดดันจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้หุ้น Domestic/Reopening Play ซึ่งได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจในประเทศและการ ท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวคาดว่ายัง Outperform
(-) KEX คาดผลการดำเนินงาน 4Q22 ยังขาดทุน 467 ลบ. ดีขึ้นจาก 3Q22 ที่ขาดทุน 675 ลบ. แม้ปริมาณขนส่งและรายได้จะปรับตัวขึ้น q-q แต่รายได้เฉลี่ยต่อชิ้นยังทรงตัว ท่ามกลางการแข่งขันที่ยังสูง และการตัดราคาที่มากขึ้นจากไตรมาสก่อน จบปี 2022 คาดขาดทุน 2,165 ลบ. แนวโน้มปี 2023 ยังท้าทาย ปริมาณการขนส่งคาดเติบโตได้ไม่มาก หลังจาก Reopening ทำให้ผู้บริโภคกลับไปซื้อ Offline มากขึ้น ขณะที่การลดต้นทุนภายในทำได้จำกัดมากขึ้นในระยะสั้น เราคาดผลการดำเนินงานปี 2023 จะพลิกมามีกำไรได้เพียงเล็กน้อย 275 ลบ.ซึ่งยังไม่ใช่ระดับที่ดี ยังคงราคาเป้าหมาย 16 บาท แนะนำ “ขาย”
(+) MASTER เข้าเทรดวันนี้ เป็นผู้ให้บริการด้านศัลยกรรมความงามครบวงจร ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และประสบการณ์กว่า 9 ปี ถือเป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงและมีผลงานที่ดีเป็นที่ยอมรับของลูกค้า ส่งผลให้มีการรีวิวและการบอกต่อของลูกค้าเดิมในโลกโซเชี่ยล ไม่จําเป็นต้องอาศัย Presenter ทำให้มีค่าใช้จ่ายทางการตลาดค่อนข้างต่ำ บริษัทอยู่ระหว่างเพิ่มจำนวนห้องผ่าตัดเป็น 17 ห้อง จากปัจจุบัน 7 ห้อง และใช้เต็มกำลัง การให้บริการแล้วใน 9M22 เนื่องจากโควิดคลี่คลาย ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการจำนวนมาก เราคาดกำไรสุทธิปี 2022 จะฟื้นตัวแรง +92% y-y และปี 2023 โตต่อเนื่อง +38% Y-Y เราประเมินราคาเป้าหมายที่ 65 บาท (Finansia เป็นผู้จัดจำหน่ายฯ)
(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 104.40 จุด หรือ +0.31% ปิดที่ 33,733.96 จุด จากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดีกว่าที่คาด ซึ่งรวมถึงบริษัท เจเนอรัล อิเลคทริค (GE)
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ โดยนักลงทุนกังวลว่า ECB อาจจะปรับอัตรา
ดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
(0) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดผสม ขณะที่ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงยังคงปิดเนื่องในวันตรุษจีน
(0) ค่าเงินบาท แกว่งตัวแคบ อยู่ที่บริเวณ 32.74 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 80.13 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ในขณะที่เช้านี้รีบาวน์ที่ระดับ 80.22 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ 0.12%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 6.8 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 1,935.4 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า FED จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 1,939.1 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.19%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 917.34 / +0.29