KS Daily View 25.01.2023 > ติดตามประชุม กนง. บ่ายนี้ เชื่อว่าตลาดรอดูทิศทางดอกเบี้ยฯ SET คาดแกว่งตัวในกรอบ 1,680-1,691 จุด หุ้นแนะนำวันนี้  PSL, KLINIQ

สรุปตลาดหุ้นเมื่อวาน

ในประเทศ:  SET Index ปิด 1682.94 จุด(-0.07%)  โดยหุ้นที่ขึ้นหนุนดัชนีหลักๆคือ CPN +1.45%, MAKRO +1.2%, CPALL +1.1%ฯลฯ ส่วนหุ้นที่ปรับลง SCGP -3.2%, BDMS -1.7%, PTTEP-1.15%ฯลฯ  โดยหุ้นที่เป็นกระแสเมื่อวานคือ กลุ่มโรงแรมขึ้นแรง  ERW, CENTEL, MINT, SHR หนุนจาก ครม. อนุมัติมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5, ความกังวล Recession ในยุโรปลดลง ฯลฯ

ต่างประเทศ : ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัวอีกครั้ง ดัชนี Dow Jones 0.31%, S&P500 -0.07%, Nasdaq -0.27% โดย Sector ในดัชนี S&P500 ของสหรัฐปรับขึ้นลงสลับกัน โดย Sector ที่ปรับขึ้นหลักๆ คือกลุ่ม Industrials +0.65%, Utilities +0.49%, Real Estate +0.4% ส่วนกลุ่มที่ Underperform คือ Communication Services -0.69%, Health Care -0.65%ฯลฯ

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามและมีผลต่อการลงทุนในวันนี้  เชื่อว่าช่วงนี้ภาพใหญ่จะยังไม่มีปัจจัยอะไรใหม่ซึ่งคาดตลาดจะรอการประชุม Fed สัปดาห์ ต้นเดือน ก.พ. ประกอบกับสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นในฝั่งเอเซียหลายประเทศ อาทิ จีนมฮ่องกง ฯลฯ ปิดยาว ทำให้โดยรวมไม่มีปัจจัยอะไรที่มีนัยยะ หลักๆจะเป็นปัจจัยในประเทศมากกว่า  โดย Key สำคัญคือ

1.) การประชุม ธปท. บ่าย 2 โมงวันนี้  KBANK ประเมินว่าจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 1.50% เราประเมินมีโอกาสที่ ธปท. อาจมีการส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย(ปัจจุบันอยู่ที่ 1.25%) เพื่อลดการเก็งกำไรทิศทางค่าเงินบาทที่แข็งค่าเร็วมากกว่า 13% จากปลายเดือน พ.ย.2022 ที่ราวๆ 38 บาทต่อ USD และแข็งค่าเร็วกว่าค่าเงินอื่นๆในภูมิภาค มองกลุ่มที่จะได้ sentiment บวกจากเรื่องนี้คือกลุ่ม Finance และโรงไฟฟ้า ส่วนกลุ่มที่ได้  sentiment ลบคือ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ จากเรื่องดอกเบี้ย

2.) การรายงานงบ 4Q22 ของ บจ.ในไทย โดยในช่วงนี้เป็นการรายงานของฝั่ง Real sector  โดยเมื่อวาน SCGP กำไรออกมาต่ำคาด คือ Core profit  อยู่ที่ 627 ล้านบาท -54% YoY และ -59% QoQ โดยเราประเมิน Demand ฟื้นตัวชัดขึ้นแต่กว่าจะชัดเจนใน 2H23  ส่วนฝั่งต้นทุน ค่าระวางเรือปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยรวมกำไรใน 1Q23 คาดจะฟื้นตัวขึ้นกลับมาแต่โดยรวมจะยังไม่ดีเนื่องจาก Demand ระยะสั้นยังอ่อนตัว เรามองว่าราคาหุ้นยังไม่น่าสนใจ และ Outlook ยังไม่กลับมาดี มองว่ารอให้ Upside เปิดมากกว่านี้ถึงจะน่าสนใจมากขึ้น เรายังคงคำแนะนำ Neutral ราคาทางพื้นฐานอยู่ที่ 52.0 บาท  และถัดมาคือ PTTEP คาดประกาศกำไร 4Q22 วันที่ 27 ม.ค. คาดที่ 1.09 หมื่นล้านบาท -54.6%QoQ, 3.1%YoY คำแนะนำ   Neutral โดยราคาเป้าหมายอยู่ที่ 187.0 บาท,   DTAC คาดประกาศกำไร 4Q22 วันที่ 31 ม.ค. อยู่ที่ 450 ล้านบาท -7.8%QoQ, 163%YoY คำแนะนำ ซื้อ โดยราคาเป้าหมายอยู่ที่ 58.4 บาท

3.) วันนี้ติดตามการเข้าเทรดของหุ้น MASTER ซึ่งทำธุรกิจศูนย์ศัลยกรรมความงาม ซึ่งขาย IPO ที่ 46 บาท คิดเป็น P/E ปี 2023-24 ที่ 25x/21x บน 2023-24E EPS ที่ Bt1.80/Bt2.2 per share ทำให้เป็นตัวกดราคาหุ้น KLINIQ ในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเราคาดว่าหลังหุ้นเข้าเทรดในวันที่ 25 ม.ค. นี้หากราคาปรับตัวขึ้นจะช่วยดึงให้ราคาหุ้น KLINIQ ฟื้นตัวหลังราคาปรับตัวลงมาในจุดที่เร่ิมน่าสนใจที่ 30 +/- คิดเป็น P/E ปี 2023-24 ที่ 30x/20x ตามลำดับ บน 2023-24 EPS ที่ 1 บาท/1.50 บาท มองว่าบริษัทมีจุดแข็งคือ แบรนด์ เครื่องแท้ อุปกรณ์ไม่ปลอมเหมือนที่เป็นข่าว หมอพูดจาดี ฝีมือใช้ได้ ไม่จำเป็นต้องจบบอร์ด นอกจากนี้เรามองว่าธุรกิจความงามยังโตได้ดีบนธีม Aging society การที่ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำกว่า 70%

ธีมการลงทุนแนะนำช่วงนี้

1.) กลุ่มการเงินกลุ่ม AMC คือ JMT, CHAYO  กลุ่มจำนำทะเบียน SAWAD  ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยผ่านจุด Peak

2.) กลุ่มโรงไฟฟ้า BGRIM กลุ่มวัสดุก่อสร้าง TOA  3) กลุ่ม Mid-small cap ที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว ได้แก่ BE8, KLINIQ, WARRIX, STARK

ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งในกรอบ 1680-1691 จุด หุ้นแนะนำ PSL, KLINIQ

Top pick

PSL (ราคาพื้นฐาน 19.2 บาท) ปัจจัยหนุนราคาหุ้นจะมาจาก

1) การเปิดประเทศจีน

2) อุปทานที่ตึงตังจากยอด orderbook ต่อเรือที่อยู่ระดับต่ำและความเร็วในการเดินเรือที่ลดลงจากหลักเกณฑ์ EEXI ที่จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2566 เป็นต้นไป

3) ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่มีโอกาสสงบศึกในปี 2566-67 ซึ่งคาดจะส่งผลให้อุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้นเพื่อจะช่วยให้ยูเครนสร้างประเทศขึ้นมาใหม่หลังได้รับความเสียหายจากสงคราม

KLINIQ (ราคาพื้นฐาน 44.5 บาท) ราคาหุ้นที่ปรับฐานลงมาราว 10.4%นับตั้งแต่ต้นปี (Ytd) เรามองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการซื้อ ด้วยภาพของการเติบโตอุตสาหกรรมความสวยงามที่ยังเติบโต เรายังมองบวกต่อทิศทางผลประกอบการในปี 2023  คาดกำไรสุทธิเติบโต 24%YoY อยู่ที่ 240 ล้านบาท เรามองว่า KLINIQ อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะรองรับ Demand ความงามในประเทศไทย และมีโอกาสในการเจาะตลาดต่างประเทศ CLMV  ทั้งนี้ KLINIQ มีแบรนด์ ที่แข็งแกร่งและได้เปรียบด้านต้นทุนเพราะมีเครือข่ายสาขา เงินทุนที่ได้รับจาก IPO จะช่วยขับเคลื่อนให้บริษัทฯ ขยายธุรกิจได้เร็วและง่ายกว่าคู่แข่ง

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพุธ ติดตามตัวเลขยอดขายรถยนต์ของไทยเดือน ธ.ค. การประชุม กนง. คาดปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 25bps. เป็น 1.50% ตัวเลข GDP ปี 2023-24E ของ กนง. ตัวเลข Ifo Business Climate ของเยอรมันเดือน ม.ค. คาด 90.2 จุด (+1.8% MoM) และปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ
  • วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลข Durable Goods Orders ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด +2.6% MoM ตัวเลข GDP 4Q22 ของสหรัฐฯ คาด +2.6% QoQ ตัวเลข Initial Jobless Claim ของสหรัฐฯ รายสัปดาห์คาด +205K (เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนที่ 190K) และตัวเลข New Home Sales ของสหรัฐฯ เดือน ม.ค. คาด 0.614mn (-2% MoM)
  • วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลข PCE Price index เดือน ธ.ค. ของสหรัฐฯ คาด +0.1% MoM และ +5.1% YoY ตัวเลข Core PCE Price index เดือน ธ.ค. ของสหรัฐฯ คาด +0.3% MoM และ +4.4% YoY ตัวเลข US Personal Income เดือน ธ.ค. ของสหรัฐฯ คาด +0.2% MoM และตัวเลข US Personal Spending เดือน ธ.ค. ของสหรัฐฯ คาด -0.1% MoM ตัวเลข Pending Home Sales ของสหรัฐฯ เดือน ธ.ค. คาด -1% MoM และตัวเลข U Michigan Consumer Sentiment คาด 64.6 จุด (+8.2% MoM)
- Advertisement -