บล.บัวหลวง:

SCG Packaging (SCGP TB/SCGP.BK)

SCGP – ไตรมาสที่อ่อนแอได้ผ่านไปแล้ว คาดกำไรฟื้นตัวในไตรมาส 1/66

ต่ำกว่าทุกคาดการณ์

SCGP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 449 ล้านบาท ลดลง 79% YoY และ 76% QoQ หากไม่รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 413 ล้านบาท กำไรหลักจะอยู่ที่ 862 ล้านบาท ลดลง 33% YoY และ 46% QoQ ซึ่งต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด 64% เนื่องจากมาร์จิ้นที่ต่ำกว่าคาด SCGP ประกาศจ่ายเงินปันผลสําหรับครึ่งหลังของปี 2565 ที่ 0.35 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นอัตราตอบแทนจากเงินปันผลขั้นต้นที่ 0.6% (จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 4 เม.ย. และจ่ายปันผลในวันที่ 24 เม.ย.)

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

ปัจจัยที่กดดันกำาไรหลักให้ปรับตัวลดลง ได้แก่ 1) ยอดขายที่ลดลงทั้ง YoY และ QoQ จากธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (ปริมาณขายและราคากระดาษบรรจุภัณฑ์ที่ลดลง เนื่องจากอุปสงค์ที่ลดลงในจีนและอาเซียน), 2) EBITDA margin ของสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรที่ลดลงทั้ง YoY และ QoQ, 3) EBITDA margin ของสายธุรกิจเยื่อและกระดาษที่ลดลง (ปริมาณขายที่ลดลงของเยื่อกระดาษละลาย เนื่องจากอุปสงค์ในจีนที่ชะลอตัว และการปิดซ่อมบำรุง และราคาขายที่ลดลง), 4) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น โดยสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 11.3% จาก 9.4% ในไตรมาส 4/64 และ 10.7% ในไตรมาส 3/65, และ 5) อัตราภาษีจ่ายที่ เพิ่มขึ้น QoQ

EBITDA margin ของสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรอยู่ที่ 11% ในไตรมาส 4/65 ลดลงจาก 12% ในไตรมาส 4/64 และ 13% ในไตรมาส 3/65 ในขณะที่ EBITDA margin ของสายธุรกิจเยื่อและกระดาษอยู่ที่ 13% ในไตรมาส 4/65 ปรับตัวขึ้นจาก 12% (ไม่รวมการปรับรายการพิเศษของ Go-Pak) ในไตรมาส 4/64 แต่ลดลงจาก 19% ในไตรมาส 3/65

แนวโน้ม

เมื่อมองไปยังไตรมาส 1/66 ปริมาณขายของ SCGP มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้น QoQ หนุนมาจากอุปสงค์ทั่วอาเซียนและจีนที่ฟื้นตัว ในขณะที่ราคา RCP (วัตถุดิบหลัก) และค่าขนส่งมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อเนื่อง QoQ ในไตรมาส 1/66 ในด้านของราคาขายอุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้น และการนำเสนอมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์น่าจะส่งผลให้ราคาขายผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ทรงตัวอยู่ได้ได้จนถึงไตรมาส 1/66 ถึงแม้ว่าต้นทุนจะลดลง นอกจากนี้ราคา กระดาษบรรจุภัณฑ์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น QoQ ในไตรมาส 1/66 อ้างอิงจากผลกระทบของ lag time เราคาดว่าอัตรากำไรของ SCGP จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในไตรมาส 1/66 ดังนั้น เราคาดกําไรหลักของบริษัทจะเพิ่มขึ้น QoQ ในไตรมาส 1/66 ในขณะที่กำไรหลักในไตรมาส 1/66 ของ SCGP มีแนวโน้มทรงตัว YoY เนื่องจากอัตรากำไรที่มากขึ้นมีแนวโน้มที่จะกลบผลกระทบปริมาณขายที่ลดลง

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ของเราที่ 10,360 ล้านบาท ไว้ดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

คำแนะนำ

ผลประกอบการไตรมาส 4/65 ที่น่าผิดหวัง อาจกดดันราคาหุ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มไตรมาส 1/66 ของ SCGP ดูดีขึ้นมาก นอกจากนี้อาจมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรและมูลค่าหุ้นจากการลงทุน และ/หรือ การเข้าซื้อกิจการใหม่ หากราคาหุ้นปรับตัวลง เรามองว่าเป็นโอกาสในการสะสมหุ้น เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

SCGP – ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์

What’s new?

ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมายืนยันมุมมอง เชิงบวกของเราต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานและแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัท

Highlights:

  • อุปสงค์บรรจุภัณฑ์ในภาพรวมทั้งในประเทศไทย, ASEAN, และจีนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในปี 2023 หลังการเปิดประเทศของจีน เริ่มเห็นการฟื้นตัวแล้วและคาดว่าการฟื้นตัวจะชัดเจนยิ่งขึ้นใน 2H23 อย่างไรก็ตามอุปสงค์ในยุโรปและสหรัฐฯอาจชะลอตัวบ้างตามสภาวะเศรษฐกิจ
  • ในด้านต้นทุน ต้นทุนวัตถุดิบ (เศษกระดาษ) และค่าขนส่งมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่องในปีนี้ แต่ต้นทุนค่าพลังงานคาดว่าจะยังทรงตัวในระดับสูง ในขณะที่ราคาขายกระดาษบรรจุภัณฑ์เริ่มปรับตัวสูงขึ้นและราคาขายผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ทรงตัว ดังนั้นอัตรากำไรปี 2023 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
  • บริษัทจะยังคงดำเนินกลยุทธ์ขยายการเติบโตจากการ M&P (Merger & Partnership) โดยมุ่งเน้นการเพิ่ม integration ไปสู่ธุรกิจปลายน้ำมากขึ้น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินโดนีเซียและเวียดนาม), ขยายธุรกิจในส่วนที่เป็น consumer packaging, ขยายธุรกิจที่เกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ, ธุรกิจ recycling, รวมทั้งการแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกิจสู่ตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตสูง เช่น เอเชียใต้ เป็นต้น
  • บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายปี 2023 ไว้ที่ 1.6 แสนล้านบาท (เติบโต 10% YoY / รวม potential M&P)
  • บริษัทตั้งงบลงทุนสำหรับปี 2023 ไว้ราว 1.8 หมื่นล้านบาท จากสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง (อัตราส่วน net debt/EBITDA ที่เพียง 1.9 เท่า [เทียบกับระดับนโยบายที่ 3 เท่า] และเงินสดในมือ 1.2 หมื่นล้านบาท ณ สิ้น 4Q22) SCGP จึงมีความพร้อมสำหรับการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายการเติบโต ในอนาคต

View From Fundamental:

ผลการดำเนินงานปี 2023 ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น น่าเป็นปัจจัยจะหนุนราคาหุ้นต่อไป นอกจากนี้อาจมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรและมูลค่าหุ้นจากการลงทุนและ/หรือการเข้าซื้อกิจการใหม่ เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” (ราคาเป้าหมาย 74 บาท)

- Advertisement -