บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง:
North East Rubber (NER) ปี 2565 ยากๆ กำลังผ่านพ้น
Results Preview
คาดเจอจุดต่ำสุดแล้ว อุตสาหกรรมยางกำลังกลับมา แนะ “ซื้อ”
คาดกำไร 4Q65 จะออกมาน่าผิดหวังจาก GPM ที่ถูกดันจากราคายางขาลงใน 2H65 แต่เราเชื่อว่านั่นจะเป็นจุดต่ำสุดของ earnings cycle ของ NER หลังเราพบว่าอุปสงค์ในผลิตภัณฑ์ยางได้ฟื้นตัว สะท้อนจากราคายางได้ปรับตัวขึ้นขึ้นต่อเนื่อง 21.6% จากจุดต่ำสุดในเดือน พ.ย. 2565 และมีแนวโน้มฟื้นต่อผลักดันจากผู้บริโภคยางรายใหญ่ของโลกอย่างจีน ระหว่างรอเห็นกำไรปี 2566 ที่จะไต่ระดับขึ้น เราคาดว่า NER จะมอบเงินปันผลงวด 2H65 ราว 0.36 บาท คิดเป็น dividend yield 5.6% เป็นผลตอบแทน เราคงคำแนะนำทยอยสะสม “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ใหม่ปี 2566 ที่ 8.70 บาท/ หุ้น อิง P/E เฉลี่ย 4 ปีที่ 8.0x
4Q65 ได้รับผลกระทบจากราคายางพาราคาตกต่ำใน 2H65
ราคายางแผ่นดิบรมควันชั้น 3 ปรับตัวลงมา 32.9% จากจุดสูงสุดเฉลี่ย 70.95 บาท/กก. ใน เดือน เม.ย. 65 เหลือ 47.55 บาท/กก. ในเดือน ธ.ค. 65 จากผลกระทบของสงคราม, เศรษฐกิจจีนและโลก ส่งผลให้การกำหนดราคาผลิตภัณฑ์ยางเพื่อส่งมอบใน 2H65 ได้รับผลกระทบ แม้ปริมาณการส่งมอบจะเป็นไปตามแผนก็ตาม เหล่านี้ทำให้เราคาดว่า NER จะรายงานกำไรสุทธิ 427 ลบ. หดตัว -19.2% QoQ และ -29.3% YoY โดยมีปริมาณส่งมอบ 1.5 แสนตัน +21.1% QoQ +40.2% YoY แต่อัตรากำไรขั้นต้นคาดลดลง 340bps QoQ เหลือ 10.0% ส่งผลให้งวดปี 2565 คาดกำไรสุทธิ 1.8 พันลบ. ทรงตัวจากปีก่อน แต่ต่ำกว่าประมาณการของเรา 22%
มองข้างหน้า หนังคนละม้วน อุปสงค์จะเป็นพระเอกดันราคายางขึ้น
ณ 24 ม.ค. 2566 ราคายางแผ่นดิบรมควันชั้น 3 ณ ตลาดกลาง อ.หาดใหญ่ เริ่มฟื้นจากสิ้นปี 2565 แล้ว 7.1% ขณะที่ตลาดโลก ราคายางก็ฟื้นตัวขึ้น 21.6% จากจุดต่ำสุดในเดือน พ.ย. 2565 และสูงสุดในรอบ 5 เดือนแล้ว เนื่องจากความกังวลเศรษฐกิจถดถอย (Recession) โลก เริ่มผ่อนคลายมากขึ้นหลังจีนกลับมาเปิดประเทศ ยูโรรายงาน GDP แข็งแรงกว่าตลาดคาด รวมถึงภาวะเงินเฟ้อสูงก็คลี่คลายไปแล้ว โดยตลาดจีนคาดว่ายอดขายรถยนต์จะฟื้นตัว +5% ปีนี้ ขณะที่ International Rubber Consortium ก็คาดอุปทานยางจะไม่ได้เพิ่มอย่างมีนัยสำคัญปีนี้จาก 3 ประเทศผู้ผลิตหลัก (ไทย อินโดฯ มาเลเซีย) เราเชื่อว่าจากแนวโน้มดังกล่าว ราคายางจึงมีโอกาสสูงที่จะขยับตัวขึ้นได้ในปีนี้
ปรับทอนประมาณการลงมา กำไรยังโต ปันผลยังสูง มี upside ให้ลุ้น 36%
เราปรับประมาณการกำไรปี 2566 ลง 18.9% เป็น 2.0 พันลบ. ขยายตัวราว +11.1% YoY แต่การที่ตลาดเห็นจุดต่ำสุดที่ผ่านไปแล้วในปี 2565 ขณะที่คาด NER จะจ่ายปันผลงวด 2H65 ราว 0.36 บาท/ หุ้น คิดเป็น Dividend yield สูง 5.6% อีกทั้งราคาเหมาะสมใหม่ 8.70 บาท/หุ้น (ลดลงจากเดิม 18.6% และลดมาใช้ P/E เฉลี่ย 4 ปี 8.0x จากเดิม 8.5x) ก็ยังคงให้ upside สูง น่าสนใจ 36% ระหว่างรอดูพัฒนาการนี้