ตลาดรอผลประกอบการ 4Q65 ระยะสั้นแกว่งตัว sideway
ตลาดหุ้นวานนี้… SET Index ปิดที่ 1,682.11 จุด ลดลง 0.83 จุด (-0.05%) มูลค่าการซื้อขาย 57,927.46 ล้านบาท ยังไม่สามารถปรับขึ้นไปยืนระดับ 1,700 จุด ได้ มีแรงกดดันจากกลุ่มค้าปลีกและโรงพยาบาล
แนวโน้มตลาดวันนี้… ตลาดไม่ได้ตอบรับในทิศทางใดเป็นพิเศษ หลัง กนง. มีมติเอกฉันท์คงขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 1.50% ตามตลาดคาด พร้อมปรับคาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 25.5 ล้านคน จากจีนเปิดประเทศเร็วกว่าคาด ขณะที่ปี 67 มองจะมีนักท่องเที่ยวรวม 34 ล้านคน ขณะที่มอง Real GDP (GDP excluded the inflation effects) ปี 66-67 จะกลับมาอยู่เหนือช่วงก่อนโควิด (2562 เป็นปีฐานในการคำนวณ) ซึ่งในระยะถัดไป เรามองว่า กนง. จะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องไปสู่ระดับ 2.00% ในปีนี้ (ประมาณการเดิมเราอยู่ที่ 1.75%) เนื่องจากแนวโน้มนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากประเทศจีน แนวโน้มเศรษฐกิจจีน-โลกดีขึ้น การส่งผ่านต้นทุนของผู้ประกอบการการฟื้นตัว ภาคท่องเที่ยวที่สร้างแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ รวมถึงการรักษา policy space ในเชิงกลยุทธ์ เราชอบกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่และกลุ่มท่องเที่ยว ขณะที่ปัจจุบันยังไม่มีปัจจัยใหม่หนุนตลาด คาดว่ารอผลประกอบการภาค real sector ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ติดตาม GDP 4Q65 ของสหรัฐ คาดขยายตัวเพียง 2.8%YoY ชะลอตัวจากไตรมาสก่อนที่ +3.2%YoY (26 ม.ค.) และ Core PCE ธ.ค. สหรัฐฯ ตลาดคาดเพิ่มขึ้นเป็น 0.3%MoM ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ +0.2%MoM (27 ม.ค.) หากออกมาตามคาดจะเป็นแรงหนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ซึ่งทั้งนี้จะมีประชุมเฟดในวันที่ 31 ม.ค. – 1 ก.พ. คาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75%
กลยุทธ์การลงทุน… ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway แนะนำ Trading ในกรอบ 1672-1694 โดย Selective buy
- กลุ่มท่องเที่ยว-การบริโภคในประเทศ MINT ERW SPA AAV AOT M CPN MBK
- กลุ่มธนาคาร (ซื้อ/ถือระยะกลาง) BBL KTB KBANK TISCO
Fund flow rotation... เราแนะนำ switch จากกลุ่มยาง เช่น STA NER มาสู่กลุ่มโรงพยาบาล เช่น BDMS CHG BCH
เคาะไป คุยไป BBL
- แนวโน้มปี 66-67 ประเมินกำไรสุทธิจะยังขยายตัวต่อเนื่องที่ 13.7% และ 5.2% ตามลำดับ กลับมาสู่ระดับ Pre-COVID เติบโตอย่างมั่นคง ภายใต้กลยุทธ์อนุรักษ์นิยม ซึ่งเราได้รวมผลกระทบจากการกลับมาจ่ายเงินเข้ากองทุน FIDF ที่ระดับ 43 bps ของเงินฝากแล้ว แต่จะกระทบกับ NIM ไม่มาก ซึ่งยังรักษาระดับ Pre-COVID ที่ไม่ต่ำกว่า 2.4% ด้าน ROE ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่องมาสู่ระดับ 6.4%
- แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายสิ้นปี 66 เท่ากับ 174 บาท อิง PBV 0.61 เท่า (GGM: LT ROE 6.5%, growth 3%) ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี -0.5 SD คาดหวังการจ่ายปันผลในงวดปี 65 ที่ 5.00 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend yield ราว 3.2%
- Key catalyst 1) แนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง หนุนความต้องการของสินเชื่อธุรกิจ 2) การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3) คาดหวังการตั้ง ECL ปี 66 ที่ลดลงจากปี 65 ที่ 3.26 หมื่นลบ.
Global Markets
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกเล็กน้อย แต่ S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ รวมถึงไมโครซอฟท์ เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ที่ต่ำกว่าคาด สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากตลาดวิตกว่าธนาคารกลางต่างๆ จะยังคงต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
(+) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากความวิตกกังวล เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์
(+) สัญญาทองคำตลาด COMEX ได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า