บล.กรุงศรีฯ:
MEDIA SECTOR (NEUTRAL) – OOH โดดเด่นใน 4Q22 (NEUTRAL)
ตัวเลขยอดโฆษณาที่รายงานโดย Nielsen ตอกย้ำมุมมองด้านบวกของเราต่อสื่อ OOH และมุมมองด้านลบต่อสื่อ TV โดยตัวเลขในเดือนธันวาคมทำให้ ยอดโฆษณาสื่อ OOH ใน 4Q22 เพิ่มขึ้นทั้ง yoy และ qoq สวนทางกับสื่อ TV เรามองว่าสื่อ OOH จะชิงส่วนแบ่งตลาดจากสื่อ TV ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในอีกสามปีข้างหน้า จากพฤติกรรมการใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นของคนไทย เราชอบ PLANB เพราะจะได้อานิสงส์เต็ม ๆ จากการที่ยอดโฆษณาสื่อ OOH เพิ่มขึ้น ในขณะที่ชอบ VGI ในฐานะที่เป็นหุ้น laggard
ยอดโฆษณาสื่อ OOH ยังโตต่อเนื่อง และโตมากกว่าสื่ออื่น ๆ ใน 4Q22
ยอดโฆษณารวมลดลงเหลือ 8.52 พันล้านบาทในเดือนธันวาคม (-3% mom และ -2% yoy) โดยยอดโฆษณาที่ลดลง mom เป็นเพราะยอดโฆษณาของสื่อเกือบทุกกลุ่มลดลง ได้แก่ TV (-3%) โรงภาพยนตร์ (-13%) และ OOH (-1%) ในขณะที่ยอดโฆษณาที่ลดลง yoy เป็นเพราะสื่อ TV (-13%) และโรงภาพยนตร์ (-13%) อย่างไรก็ตาม ยอดโฆษณาสื่อ OOH สวนกระแสอุตสาหกรรมสื่อ โดยโตถึง 56% yoy ทั้งนี้ เมื่อพิจารณายอดโฆษณาเต็มไตรมาสใน 4Q22 พบว่าสื่อ OOH เป็นเพียงกลุ่มเดียวที่โตทั้ง yoy (+68%) และ qoq (+21%) ในขณะที่สื่อ TV ลดลงทัง yoy (-9%) และ qoq (-4%) ส่วนสื่อโรงภาพยนตร์ยังเพิ่มขึ้น yoy (+29%) แต่ลดลงเล็กน้อย qoq (-0.2%).
คาดว่ารายได้ของสื่อ OOH จะเพิ่มขึ้นในอีกสองสามปีข้างหน้า
ยอดโฆษณาใน 4Q22 ตอกย้ำมุมมองด้านบวกของเราต่อสื่อ OOH และมุมมองด้านลบต่อสื่อ TV โดยจากรายงานของ Nielsen ยอดโฆษณาสื่อ OOH ในปี 2022 เพิ่มขึ้นถึง 46% yoy เป็น 1.5 หมื่นล้านบาท ในทางกลับกัน ยอดโฆษณาสื่อ TV กลับลดลง 2% yoy แม้ว่าปี 2022 จะเป็นปีที่ฟื้นตัวจากสถานการณ์โรคระบาด ทั้งนี้ แม้ว่ายอดโฆษณาของสื่อ OOH ในปี 2022 จะเติบโตอย่างโดดเด่น แต่เรายังคงคาดว่ายอดโฆษณาสื่อ OOH จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอีกสามปีข้างหน้า เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวของปัจจัยพื้นฐาน โดยคนไทยนิยมดู TV น้อยลง และใช้เวลาอยู่นอกบ้านมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งตลาดของสื่อ OOH ในประเทศไทยยังน้อยกว่าประเทสอื่น ๆ ในเอเชีย อย่างเช่นสิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งผู้คนใช้เวลาอยู่นอกบ้านมากกว่าที่จะอยู่ในบ้าน และดู TV (ส่วนแบ่งตลาดของสื่อ OOH ในประเทศไทยอยู่ที่ 15% ในขณะที่ของสิงคโปร์อยู่ที่ 17% และของฮ่องกงอยู่ที่ 20%)
เราเลือก PLANB และ VGI เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม
หุ้นเด่นในกลุ่มนี้ของเราคือ PLANB และ VGI โดยเราชอบ PLANB (ราคาเป้าหมาย 9.10 บาท) เพราะจะได้อานิสงส์อย่างเต็มที่จากการที่สื่อ OOH อยู่ในขาขึ้น และชิงส่วนแบ่งตลาดมาได้มากขึ้น โดยเรามองว่า PLANB เป็นหุ้น pure play สำหรับสื่อ OOH ส่วน VGI (ราคาเป้าหมาย 5.50 บาท) เรายังคงคำแนะนำซื้อในฐานะที่เป็นหุ้น laggard จากในเชิงปัจจัยพื้นฐาน และราคาเมื่อเทียบกับ PLANB