บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action TRADING (Maintain)
TP upside (downside) +13.0%
Close Jan 25, 2023 Price 345.00
12M Target 390.00
THE SIAM CEMENT (SCC) งบอ่อนแอกว่าที่ประเมินไว้ ลดลงทุกธุรกิจ
Earnings Results
- ประกาศกำไรสุทธิ 4Q65 อยู่ที่ 157 ล้านบาท (-94% QoQ, -98% YoY) ต่ำกว่าที่เรา และ Bloomberg consensus คาดไว้ระดับ 1.2 พันล้านบาท สาเหตุหลักมาจากผลประกอบการของธุรกิจวัสดุก่อสร้าง และบรรจุภัณฑ์ (SCGP) ทำได้น้อยกว่าคาด
- ไตรมาสนี้มีรายการพิเศษ ได้แก่ ขาดทุนสินค้าคงคลัง 510 ล้านบาท และตั้งสำรองด้อยค่าสินทรัพย์จากการหยุดผลิตชั่วคราวของโรงงานผลิตแผ่นหินประดิษฐ์ของ COTTO 561 ล้านบาท (ตามสัดส่วนการถือหุ้น และหลังหักภาษี) หากหักรายการพิเศษกำไรปกติทำได้ 1.2 พันล้านบาท (-62% QoQ, -83% YoY)
- ผลประกอบการ 4Q65 อ่อนแอ แย่ลง QoQ และ YoY ทุกธุรกิจ รายละเอียดดังนี้ 1) ธุรกิจวัสดุก่อสร้างถูกกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบ และต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้ EBITDA margin ลดลงเหลือ 4% (จาก 8% ใน 3Q65 และ 10% ใน 4Q64) 2) ธุรกิจปิโตรเคมีถูกกดดันจากภาวะตลาดที่อ่อนแอ โดยความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว, เงินเฟ้อระดับสูง, นโยบายการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย, มาตรการควบคุม Covid ที่เข้มงวดของจีน ส่งผลกระทบต่อความต้องการปิโตรเคมีอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งยังมีกำลังผลิตใหม่เข้ามาสู่ตลาดจํานวนมาก ทำให้ราคาและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปรับตัวลดลง โดย Spread HDPE และ Spread PP อยู่ที่ US$360/ตัน (-8% QoQ, -29% YoY) และ US$322/ตัน (-14% QoQ, -45% YoY) ตามลำดับ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังปรับลดการผลิตให้สอดคล้องกับภาวะตลาด ทำให้ปริมาณขาย Polyolefins ลงเหลือ 3.3 แสนตัน (-22% QoQ, -33% YoY) และรับรู้ผลขาดทุนสินค้าคงคลัง 510 ล้านบาท 3) ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ได้รับผลกระทบจากความต้องการใช้ที่ซบเซา เพราะจีนใช้นโยบาย Lockdown ที่เข้มงวด รวมทั้งการปรับตัวลดลงของราคาผลิตภัณฑ์
- ปี 2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.1 หมื่นล้านบาท -55% YoY ต่ำสุดในรอบหลายปี และลดลงทุกธุรกิจโดยเฉพาะปิโตรเคมี บริษัทฯ ประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 2H65 ที่ 2.00 บาท/หุ้น คิดเป็น Yield 0.6% จะขึ้น XD วันที่ 7 เม.ย. และจ่ายเงินวันที่ 25 เม.ย. 2566
Our Take
- แนวโน้มกำไร 1Q66 ฟื้นตัว QoQ เนื่องจากประเมินว่าความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น QoQ จากการเข้าสู่ High season ของธุรกิจ และอุปสงค์ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ได้อานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งธุรกิจปิโตรเคมี และบรรจุภัณฑ์จะฟื้นตัวจากการเปิดประเทศของจีน อย่างไรก็ตาม ภาพรวมผลประกอบการยังไม่เด่น เพราะอัตรากำไรของธุรกิจวัสดุก่อสร้างยังได้รับผลกระทบจากต้นทุนพลังงาน (ถ่านหินและไฟฟ้า) ระดับสูง และ Spread ปิโตรเคมียังถูกถ่วงด้วยภาวะอุปทานล้นตลาด
- คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท (+43% YoY) คงคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสม 390.00 บาท โดยเราแนะนำให้ติดตามการฟื้นตัวของอุปสงค์จากการเปิดประเทศของจีนหลังเทศกาลวันหยุดยาวตรุษจีนก่อนเข้าลงทุน เนื่องจากจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการฟื้นตัวของผลประกอบการปี 2566 อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นคาดหุ้นจะตอบรับเชิงลบจากผลประกอบการ 4Q65 ที่อ่อนแอกว่าคาด และผลตอบแทนเงินปันผลงวด 2H65 ที่ไม่จูงใจ